วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ในดินแดนที่ลมยังพัดผ่าน จะเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ ...


เครดิตจาก https://www.youtube.com/watch?v=MyaEAMBtQN0


เครดิตจาก https://www.youtube.com/watch?v=aKb1ooiaI9M


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////

      สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 
      เมื่อวานปุ๋ยนำเพลงประกอบซีรี่ส์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้เรื่อง《มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน》 มานำเสนอในเวอร์ชั่นภาษาเกาหลีแล้ว วันนี้ปุ๋ยได้มาตามสัญญาว่าจะนำเนื้อเพลง ตลอดจนเสียงร้องอันไพเราะของเวอร์ชั่นไทยมาให้ท่านผู้อ่านได้ฟังกัน 
      เพลงนี้ซึ่งเป็นเสียงร้องของผู้ชายนั้น ขับร้องโดยคุณออฟ ณัฐพร ธรรมาธิ ในขณะที่เสียงร้องของผู้หญิงนั้น ขับร้องโดยคุณแพรวา จิรประวัติ ณ อยุธยา ซึ่งทั้งสองรูปแบบนั้น ก็มีความไพเราะแตกต่างกันออกไปค่ะ 
       และนี่คือเนื้อเพลง In Life and Death เวอร์ชั่นภาษาไทย  

"ยังไม่เคยจางความทรงจำที่เราเคยกอด 
วันที่ร้ายร้าย เรามีเราข้างในอ้อมกอด 
ทุกทุกเรื่องราว ทุกวินาที อยู่ในทีเดิมตรงนี้ 
รอเมื่อเวลาการรอคอยความเดียวดายจบ 
วันที่ได้พบ ไม่มีวันที่เราห่างไกล 
ขอให้ถึงเมื่อไหร่ และจะนานแค่ไหน 
เมื่อหมดแสงที่ดวงตะวัน พรุ่งนี้จะเจอเธอไหม 
ในคืนนี้มืดมนเลวร้ายแค่ไหน ให้รู้ว่า 
ในดินแดนที่ลมยังพัดผ่าน จะเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ 
ยังมีคำว่าฉันนั้นรักเธอ ฉันรักเธอ ... แค่รู้ว่า 
พรุ่งนี้ฉันก็ยังรออยู่ รอเธอจะกลับมา ถึงตายจาก และหายไป 
อย่าลืมฉัน ขอทิ้งไว้กับลม ความคิดถึงที่อยู่ในใจ 
ตราบสิ้นแสงที่ดวงตะวัน จะลับจะเลือนดับหาย 
หากคืนนี้มืดมนเลวร้ายแค่ไหน ให้รู้ว่า 
ในดินแดนที่ลมยังพัดผ่าน จะเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ 
ยังมีคำว่าฉันนั้นรักเธอ ฉันรักเธอ ... แค่รู้ว่า 
พรุ่งนี้ฉันก็ยังรออยู่ รอเธอจะกลับมา ถึงตายจาก และหายไป 
อย่าลืมฉัน ขอทิ้งไว้กับลม ความคิดถึงที่อยู่ในใจ 
และที่ตัวฉันคนนี้ต้องการขอร้อง อ้อนวอนกับลม 
เมื่อเราห่างไกล โอบกอดเธอไว้ แทนฉันเสมอ 
ฟ้าจะมืดครึ้มอย่าทำเธอกลัว ลมช่วยพัด 
แทนความรักและเสียงหายใจผ่านเธอเบาๆ 
 ในดินแดนที่ลมยังพัดผ่าน จะเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ 
ยังมีคำว่าฉันนั้นรักเธอ ฉันรักเธอ ... แค่รู้ว่า 
พรุ่งนี้ฉันก็ยังรออยู่ รอเธอจะกลับมา ถึงตายจาก และหายไป 
อย่าลืมฉัน ขอทิ้งไว้กับลม ความคิดถึงที่อยู่ในใจ "

****************************************
     เป็นอย่างไรบ้างคะ เมื่อได้รับฟังเสียงร้องของบทเพลงนี้ทั้งสองรูปแบบแล้ว ไพเราะและมีความหมายที่ดีมากๆเลยใช่ไหมล่ะคะ ปุ๋ยเองก็ชอบเวอร์ชั่นภาษาไทยของเพลง In Life and Death เช่นกันค่ะ แต่รองจากเวอร์ชั่นภาษาเกาหลีค่ะ เพราะได้ยกให้เป็นที่หนึ่ง ตั้งแต่ที่ได้ฟังมาเมื่อปี ๒๕๕๒ ที่ออกอากาศทางช่อง ๓ ออริจินัล แล้วค่ะ 
    สำหรับวันนี้ ปุ๋ยต้องลาทุกท่าน ณ ตรงนี้ก่อนค่ะ 
    แล้วพบกันวันต่อไปค่ะ สวัสดีค่ะ ...

--------------------------------------------------------------

ในดินแดนที่ลมยังพัดผ่าน จะเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้ 
ยังมีคำว่าฉันนั้นรักเธอ ฉันรักเธอ ... แค่รู้ว่า 
พรุ่งนี้ฉันก็ยังรออยู่ รอเธอจะกลับมา ถึงตายจาก และหายไป 
อย่าลืมฉัน ขอทิ้งไว้กับลม ความคิดถึงที่อยู่ในใจ 


++++++++++++++++++++++++++++

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
อังคารที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐  

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

In Life And Death


เครดิตจาก https://www.youtube.com/watch?v=vVvCBsxIjr0



    สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน

    ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเคยดูซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง 《มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน》 หรือเปล่าคะ ตอนนี้ทางช่อง ๓ แฟมิลี่ ช่อง ๑๓ ได้นำมาออกอากาศอีกครั้ง ทุกๆวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ เวลา ๑๘.๒๐ น. หลังจบรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ค่ะ 
     ส่วนปุ๋ยนี่ดูจนติดเป็นที่เรียบร้อยเลย ขอบอกว่าเนื้อเรื่องของซีรี่ส์เรื่องนี้ สนุก และ น่าติดตามมากๆค่ะ แล้ววันหลังปุ๋ยค่อยมาเล่าว่ามูยุลเป็นใครนะคะ 
     สำหรับเพลงประกอบซีรี่ส์เรื่องนี้ มีความไพเราะมาก ปุ๋ยฟังอยู่แทบทุกวันเลยค่ะ ซึ่งเพลงนี้มีชื่อว่า Alive Even in Death โดยผู้ที่ถ่ายทอดบทเพลงนี้คือ ศิลปินชาวเกาหลีใต้ที่ชื่อว่า wheesung ค่ะ ซึ่งปุ๋ยได้แนบเนื้อเพลงมาด้วย จัดมาทั้งภาษาเกาหลี พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษ และเสียงเพลงอันไพเราะด้วยค่ะ 

사랑해선 안될 사람이라고 
saranghaeseon andoel saramirago
Saying that you should not love that person
이제 그만 어서 돌아서라고 
ije geuman eoseo doraseorago
Saying that you should turn away right now
미련조차 나의 등을 떠미는가봐 
miryeonjocha naui deungeul tteomineungabwa
Even lingering emotions push me to leave
지워내도 지워지지가 않아 
jiwonaedo jiwojijiga anha
Even if I try, I can’t wash you away
미워해도 미워지지가 않아 
miwohaedo miwojijiga anha
Even if I try, I can’t hate you
그리움만 더해 가는걸 
geuriumman deohae ganeungeol
I just miss you more and more…
너를 사랑하기가 난 너무나 아파
neoreul saranghagiga nan neomuna apa
When I’m in love with you, my heart hurts…
숨도 못쉴만큼 힘에 겹지만 
sumdo mosswilmankeum hime gyeopjiman
I can’t even breathe because it’s so hard, but…
Chorus:
천번 만번 태어나도, 또 다시 널 사랑해
cheonbeon manbeon taeeonado, tto dasi neol saranghae
Even if I was to reborn again a thousand times, I will love you again
그저 너 없이는 나 안돼 난안돼 oh 내사랑
geujeo neo eobsineun na andwae, nanandwae, oh naesarang
I can’t be without you, I can’t be, oh my love
늘 멀리 있다 해도 너 외로워마
neul meolli itda haedo, neo oerowoma
Even if you are far away, don’t be lonely
살아도 죽어도 내마음
sarado jugeodo naemaeum
In life and death, my heart…
항상 네곁에 남아 있을테니까
hangsang negyeote nama isseultenikka
… will always by your side
혹시 눈물이라도 또 새어 나올까바
hoksi nunmurirado tto saeeo naolkkaba
I couldn’t say I love you
차마 사랑한단 말 못했지만
chama saranghandan mal motaetjiman
because I’m afraid a new tear will come again, but,
Chorus:
천번 만번 태어나도, 또 다시 널 사랑해
cheonbeon manbeon taeeonado, tto dasi neol saranghae
Even if I was to reborn again a thousand times, I will love you again
그저 너 없이는 나 안돼 난안돼 oh 내사랑
geujeo neo eobsineun na andwae, nanandwae, oh naesarang
I can’t be without you, I can’t be, oh my love
늘 멀리 있다 해도 너 외로워마
neul meolli itda haedo, neo oerowoma
Even if you are far away, don’t be lonely
살아도 죽어도 내마음
sarado jugeodo naemaeum
In life and death, my heart…
항상 네곁에 남아 있을테니까
hangsang negyeote nama isseultenikka
… will always by your side
난 언제든 지금 같은 마음일꺼야
nan eonjedeun jigeum gateun maeumilkkeoya
my heart will still be the same,
일년후 널 십년후 널 백년후 널
illyeonhu neol simnyeonhu neol baengnyeonhu neol
even after one, ten or a hundred years
변하지 않을 이사랑 이대로
byeonhaji anheul isarang idaero
Time won’t change the way that
영원보다 더 오래 지켜 갈께
yeongwonboda deo orae jikyeo galkke
I love you longer than forever
천년 만년 흘러가도 내사랑은 너뿐이야
cheonnyeon mannyeon heulleogado naesarangeun neoppuniya
You are my only love even after thousand and ten thousand years
내가 어떻게 널 잊어 못잊어 나의 사랑
naega eotteoke neol ijeo mosijeo naui sarang
How could I forget you? I can’t …. my love
늘 어긋난다 해도 너 울지는 마
neul eogeutnanda haedo neo uljineun ma
Don’t cry even if we can’t meet anytime we want
이별도 세월도 죽음도
ibyeoldo sewoldo jugeumdo
Separation, time and death…
가를수 없는 우리 사랑이니까
gareulsu eomneun uri saranginikka
Nothing can separate us, my love

++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณเนื้อเพลงพร้อมคำอ่านแบบโรมัน และคำแปลภาษาอังกฤษ จาก http://www.lyricsthai.com/archives/11590 
เพลงนี้ไม่ได้มีแค่เพียงเวอร์ชั่นภาษาเกาหลีเท่านั้นนะคะ ยังมีเวอร์ชั่นภาษาไทยอีกด้วย พรุ่งนี้ปุ๋ยจะนำมาให้ทุกท่านได้ฟังกันค่ะ 
สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ 
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ 
****************************************
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย 
จันทร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ 

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ผ่อนคลายกับ《ปลาย นักสืบจำเป็น》ตอนที่ 2

      "ฉันไม่ใช่รองศาตราจารย์นราพร จันทร์โอชา แต่ฉันคือ มีน นราพร เจริญวากร " มีนไม่ได้กล่าว ปุ๋ยกล่าวแทน 
      "ส่วนผมไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะผมคือ ปลายฟ้า พิทักษ์ธรรม์ " ปลายก็ไม่ได้กล่าว ปุ๋ยกล่าวให้แทนอีกเช่นกัน 

       สวัสดีครับ...เอ้ย สวัสดีค่ะ...ท่านผู้อ่านทุกท่าน
       มาอีกแล้วค่ะ สำหรับนิยายเรื่อง "ปลาย นักสืบจำเป็น" แล้วทำไมวันนี้ปุ๋ยจั่วหัวซะใหญ่เลยล่ะ 
       พอดีว่าปุ๋ยก็เป็นอีกคนที่อยู่ในสายมโนค่ะ มโนว่าถ้านิยายเรื่องนี้ได้นำมาทำเป็นละคร ก็น่าจะจั่วแบบนี้เรียกแขกสักหน่อย อันนี้แค่คิดเล่นๆเท่านั้นนะคะ ถ้าไม่เหมาะสมก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ 
       วันนี้จะขอเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เริ่มก่อเกิดขึ้นของปลายและมีนค่ะ  หลังจากคดีคอมพิวเตอร์มรณะได้สิ้นสุดลงไป ปลายกับมีนก็พูดคุยกันมากขึ้น เป็นความสัมพันธ์ซึ่งก่อตัวจากเพื่อนขึ้นมาก่อนที่จะพัฒนาต่อไป ตอนนี้มีชื่อว่า "ฆ่าตัวตายหรือ" ซึ่งเป็นตอนที่ ๓ ของเรื่อง ส่วนตอนที่ ๒ นั้นไม่ได้กล่าวถึงมีนค่ะ จึงข้ามไปเป็นตอนที่ ๓ เลยค่ะ 
       เนื้อเรื่องของตอนที่ ๓ ดำเนินไปว่า ปลายขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขามายังหอพักของมีน เพื่อรับงานที่มีนต้องการให้ช่วยพิมพ์ ระหว่างที่มีนกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องนั้น ปลายก็ต้องรออยู่หน้าห้องพักของมีนตามระเบียบ แต่ปลายดันตาไว เห็นมีนอยู่ในผ้าเช็ดตัว ก็จินตนาการอะไรไปไกล ไม่พูดดีกว่าว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะคนที่เสียหายคือมีน ไม่ใช่ปลาย  
       ในระหว่างนั้นปลายก็ได้พบกับชายหนุ่มผู้หนึ่ง ชายหนุ่มคนนั้นคงจะมารอพบกับแฟนของเขาหรืออย่างไรนี่ล่ะ แต่ปลายก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ เพราะเขากำลังคิดถึงสาวห้าวผู้น่ารักที่เขาแอบชอบซึ่งอยู่ในห้องพัก และเมื่อมีนแต่งกายเรียบร้อยแล้ว มีนก็นำเอกสารกองใหญ่โตมโหฬารให้ปลายไปพิมพ์ ซึ่งก็น่าจะมีแค่นี้ ปลายก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาไปมหาวิทยาลัยโดยที่มีนเป็นคนซ้อนท้าย แต่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะปลายต้องสืบคดีของคนตายที่เกิดขึ้น คนตายนั้นเป็นหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับมีน และพักติดกันกับห้องพักของมีนด้วย 
       เหตุใดมีคนตายที่มีความเกี่ยวข้องกับมีนอีกแล้วน่ะ ... ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คนตายที่เกิดจากการฆาตกรรมคงต้องการให้ปลายไปสืบหาความจริงมากกว่า แล้วมีนนั้นก็เป็นคนที่ปลายชอบ เลยพลอยทำให้มีนมาเจอเรื่องคนตายและคดีฆาตกรรมมากกว่า...
       ด้วยความที่มีนผู้ให้ความสำคัญกับการเรียนมาเป็นอันดับแรก ทำให้มีนไม่อยู่รอจนปลายสีบคดีจนจบ แต่ปลายก็ใช่ว่าจะเห็นคดีที่ตนกำลังสงสัยและสืบหาเบาะแสนั้น สำคัญกว่ามีน ในเมื่อมีนต้องการจะเข้าเรียน ปลายผู้ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ก็รีบอาสาพามีนไปส่งที่ห้องเรียนแล็บ โดยที่เขาก็ต้องเขาเรียนด้วยเช่นกัน แต่ก็ยังไม่วายฝากการตรวจสอบคดีอะไรต่างๆไว้กับสามสมุนของเขา แล้วลูกน้องของปลายจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนกัน 
       เมื่อเข้าสู่ห้องเรียน ปลายก็บ่นอะไรไปตามประสา เพราะอาจารย์ให้ทดลองเลย ไม่ได้สอนไม่ได้อะไร แต่ถึงกระนั้นมีนก็ตัดบท ด้วยคงจะรำคาญเสียงของปลาย เธอให้ปลายทำการทดลองไป ซึ่งปลายก็ยอมปฏิบัติตามแต่โดยดี ... ซึ่งตรงนี้ล่ะที่ผู้อ่านน่าจะต้องยิ้มออกมาเหมือนปุ๋ย เพราะคุณเด็กตกปลา ผู้ประพันธ์เรื่องนี้ ได้แซวปลายว่า ดูแล้วอนาคตของหนุ่มผมตั้งท่าจะอยู่ใต้อำนาจอิสตรี ปุ๋ยว่าปลายคงชอบมีนเป็นอย่างมากเลยทีเดียวล่ะ ไม่อย่างนั้นจะช่วยมีนพิมพ์งานกองใหญ่โตให้เสร็จทันในวันพรุ่งนี้ ก็คงจะเป็นไปได้ยาก แต่เพื่อมีนแล้ว ปลายย่อมทำได้ ด้วยการลากลูกน้องของเขาทั้งสามคนอันประกอบด้วย เจ , เอ และ แอล ไปเป็นผู้ช่วยพิมพ์งาน 
       ในระหว่างที่ทำการทดลองอยู่นั้น ปลายก็สอบถามข้อมูลบางอย่างกับมีนไปด้วย เพราะมีนอยู่ห้องพักที่ติดกันกับผู้ที่วายชนม์ไป ดังนั้นมีนก็น่าจะรู้เรื่องอะไรของเธอผู้นั้นอยู่บ้าง ซึ่งมีนก็ให้ข้อมูลเท่าที่รู้กับปลาย เพราะมีนเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับผู้ตายสักเท่าไร มีเพียงแค่ทักทายกันบ้าง แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีนเห็นหญิงสาวผู้ตายนั้นอยู่กับอาจารย์ผู้ชายคนหนึ่ง โดยความสัมพันธ์ที่มีนเห็นนั้น ไม่ใช่เป็นแบบคนรัก แล้วก็ไม่ได้เป็นแบบอาจารย์กับลูกศิษย์ หากแต่เป็นแบบไหนมีนก็บอกไม่ได้เช่นกัน เมื่อมีนบอกเช่นนี้แล้ว ปลายที่ไม่ใช่เด็กน้อย ก็สามารถรู้ได้ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบใด 
        ในไม่ช้าปลายก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากการที่หลอดทดลองที่เขาหยิบมาจากลิ้นชักเกิดแตกขึ้นมาโดยที่ปลายไม่ได้ตรวจสอบให้ดี ทำให้สารทดลองเกิดรั่วซึมออกจากรอยแตก บวกกับปลายได้เห็นรายงานที่ผู้ตายได้พิมพ์ไว้ก่อนสิ้นใจ มีข้อความหนึ่งที่น่าสงสัย ซึ่งข้อความนั้นไม่ใช่คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ผู้ตายได้ทำค้างไว้ในรายงานวิชาภาษาอังกฤษ แต่เป็นข้อความเหมือนจะบอกอะไร หรืออาจจะเป็นข้อความที่พิมพ์เล่นมั่วๆไว้แล้วไม่ได้ลบก็ได้ ปลายจึงไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง เขาพบว่าผู้ตายที่มีนามว่า แจง นั้น เสียชีวิตเพราะถูกฆาตกรรม ด้วยวิธีที่ถูกเชือกรัดคอจากด้านหลัง ที่ปลายทราบเพราะสังเกตจากภาพที่ตำรวจบันทึกสภาพศพของผู้ตายไว้ ปลายจึงได้เห็นรอยเชือกมีสองรอยที่คอของแจง แล้วฆาตกรก็ทำการจัดฉากอย่างแนบเนียนว่าแจงฆ่าตัวตายเอง 
        แต่ปลายก็ยังไม่ทราบว่าใครคือฆาตกร ดังนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้จะต้องรีบไปพิมพ์งานให้มีนก่อน สิ่งที่มีนสั่งมา เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับปลาย เพราะถ้ามีนไม่พอใจแล้วล่ะก็ ไม่ยอมสานสัมพันธ์ต่อกับปลาย หนุ่มผมตั้งผู้เป็นนักสืบจำเป็นคงอกหักแน่ แต่แล้วยังพิมพ์ไปไม่ทันไรก็ต้องหัวเสีย เพราะปลายดันลืมเปลี่ยนภาษา ทำให้ข้อความที่พิมพ์ไปนั้น เป็นภาษาต่างดาวไปเรียบร้อย เนื้อหาที่ปลายพิมพ์เป็นอักษรภาษาอังกฤษหมดเลยจ้ะ แล้วคราวนี้ก็ต้องแก้ใหม่สิ แต่ก่อนจะแก้ใหม่ปลายก็ได้คำตอบแล้วว่า แจงไม่ได้ฆ่าตัวตาย และใครคือฆาตกร 
        แจงไม่ฆ่าตัวตายเองอยู่แล้ว เพราะอนาคตของแจงคงจะไปได้สวย เนื่องจากเธอพลีกายถวายตัวแลกเกรดกับอาจารย์มาแล้ว ดังนั้นไม่มีทางที่จะฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน แต่แฟนของแจงไม่สามารถรับได้ที่แจงทำแบบนี้ จึงบันดาลโทสะ ฆ่าแจงด้วยการใช้เชือกรัดคอ แล้วจัดฉากนำร่างอันไร้วิญญาณของแจงไปแขวนไว้ที่ขื่อในห้องนอน ทำท่าว่าแจงฆ่าตัวตายเอง พร้อมทั้งยังมีจดหมายที่เขียนไว้ก่อนตายวางไว้ที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำด้วย แต่แม้ว่าจะวางแผนดิบดีอย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้ เพราะยังมีไดอิ้งเมสเซส (Dying Message) ที่แจงทิ้งไว้อีกด้วย ด้วย cloiyd เมื่อเปลี่ยนให้เป็นภาษาไทยแล้ว จะพิมพ์ออกมาได้เป็นคำว่า แสนรัก ซึ่งแสนรักเป็นชื่อของฆาตกรที่ฆ่าแจง 
        ใช่แล้วค่ะ แสนรักเป็นแฟนของแจง รักแจงมากจนเกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบได้ จึงฆ่าแจงเพราะแจงไปมีความสัมพันธ์กับอาจารย์เพื่อแลกกับเกรด แสนรักร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าใครไม่ได้เป็นแสนรัก ก็คงจะไม่เข้าใจสถานการณ์นี้  
        เพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่านคะ ถ้าตั้งใจเรียน ไม่มัวแต่เกรียน เกรดงามๆก็เป็นของเราน่ะล่ะค่ะ ไม่ต้องไปทำเรื่องให้เสื่อมเสียเกียรติยศวงศ์ตระกูลเลย เริ่มตั้งใจเรียนซะ แค่นั้นอนาคตอันสดใสและก้าวหน้าก็ไม่ไกลเกินไปหรอกค่ะ 
        ปลายปิดคดีนี้ได้สำเร็จไปอีกหนึ่งคดี แต่ความสัมพันธ์ของปลายกับมีน ก็ยังไม่ได้คืบหน้าไปไหน เพราะปลายต้องไปพิมพ์งานที่มีนมอบหมายให้เรียบร้อยก่อนค่ะ 

***************************************
        คดีนี้ก็สนุกไม่น้อยเลยนะคะ แต่ปุ๋ยขอเล่าแค่นี้พอสังเขปแล้วกัน คิดว่าทุกท่านน่าจะเพลิดเพลินกันบ้างนะคะ 
        สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ 
*******************************************


         ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย 
         พุธที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ 

         


      
   
       

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ผ่อนคลายกับนิยาย 《ปลายนักสืบจำเป็น》ตอนที่ 1


หน้าปกจากนิยายรูปเล่มเรื่อง ปลาย นักสืบจำเป็น


ปกหลังจากเรื่อง ปลาย นักสืบจำเป็น
ปุ๋ยซื้อเล่มนี้มาในราคา ๙๙ บาท เองค่ะ
แต่เล่มที่หนาขนาดนี้ ราคาแค่ ๙๙ บาท ถือว่าคุ้มมากค่ะ
        สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
        ปุ๋ยเชื่อว่าหลายๆคนชอบการอ่านนิยาย เพราะเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดจากชีวิตจริงหลายๆประการ ปุ๋ยเองก็ชื่นชอบการอ่านนิยายเช่นกัน ซึ่งสำหรับปุ๋ยแล้ว มีนิยายอยู่เรื่องหนึ่งที่ปุ๋ยชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง อ่านทีไรก็ประทับใจ สามารถหยิบมาอ่านได้เรื่อยๆโดยไม่นึกเบื่อเลย
        นิยายเรื่องนี้ มีชื่อเรื่องว่า "ปลาย นักสืบจำเป็น" ค่ะ เป็นบทประพันธ์ของคุณ เด็กตกปลา ที่ลงในเว็บเด็กดี ซึ่งปุ๋ยซื้อมาเป็นแบบรูปเล่มตามภาพที่แนบมาด้านบนค่ะ ภาพหน้าปกและภาพหลังปก อาจจะดูน่ากลัวสักหน่อย แต่เนื้อเรื่องไม่น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ เพราะคุณเด็กตกปลาใช้สำนวนที่อ่านง่าย ปุ๋ยชอบสำนวนการเขียนของคุณเด็กตกปลานะคะ เขียนแบบเล่าเรื่องแถมยังมีการแซวตัวละครอีกด้วย และเป็นการเล่าเรื่องจากชีวิตของคนเราจริงๆ ไม่ได้แต่งให้น่ากลัวจนผู้อ่านหัวใจจะวายค่ะ แล้ววันหลังจะมาเล่าว่ามีคดีอะไรที่ไม่เกี่ยวกับการฆาตกรรมนะคะ 
        ชื่อเรื่องของเรื่องนี้ก็แจ้งมาอย่างชัดเจนแล้วว่า "ปลาย นักสืบจำเป็น" ดังนั้นพระเอกของเรื่องก็เลยมีชื่อว่า "ปลาย" โดยชื่อจริงของนักสืบจำเป็นผู้นี้คือ "ปลายฟ้า พิทักษ์ธรรม์" ซึ่งพระเอกหนุ่มของเรื่องผู้นี้ มีเอกลักษณ์ภายนอกคือ ทรงผมที่ตั้งเด่น ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตามแต่ เขาเป็นนักศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์ ผลการเรียนก็ไม่ใช่ว่าจะดีเด่นอะไร เพราะปลายห่วงแต่เล่น แต่ในความห่วงเล่นของเขาก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลยค่ะ เพราะชายหนุ่มได้เป็นถึงหัวหน้าแก๊งอันทรงอิทธิพลของมหาวิทยาลัย จึงทำให้มีพรรคพวกมากมาย ซึ่งลูกน้องของปลายสามารถเป็นหูเป็นตาและหาข้อมูลให้กับปลายในคดีได้
อ้าว...แล้วคดีมาจากไหน นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องอะไรกับคดีด้วยล่ะ
        ก็อย่างที่ชื่อเรื่องได้เขียนเอาไว้เลยค่ะ "ปลาย นักสืบจำเป็น" เพราะความที่พระเอกผู้หล่อเหลาอย่างปลายเป็นนักสืบเฉพาะกิจ เขาจึงจำเป็นต้องสืบสวนเพื่อให้เกิดความกระจ่างขึ้น มิเช่นนั้นคดีก็พลิกได้ ผู้บริสุทธิ์กลับกลายเป็นฆาตกรซะอย่างนั้น
        ปลายได้สืบคดีแรก เมื่อเพื่อนรักของเขาที่ชื่อ เอก ได้เสียชีวิตลงอย่ากะทันหันหลังสอบเสร็จ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนฆ่าเอก และทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ตำรวจมาตรวจสอบพื้นที่และเก็บหลักฐานต่างๆให้เรียบร้อย หลักฐานที่มีชี้ตัวว่า "มีน" เป็นฆาตกร ว่าแต่ใครคือมีน
        มีนคือนักศึกษาร่วมคณะวิทยาศาสตร์ชั้นปีเดียวกันกับปลาย เธอเป็นสาวห้าวเรียนเก่งที่ปลายแอบชอบ  เธอมีชื่อจริงว่า นราพร เจริญวากร (ไม่ใช่รองศาสตราจารย์นราพร จันทร์โอชา นะคะ คนละคนกันค่ะ) ซึ่งมีนเป็นแฟนเก่าของเอก ดังนั้นบริบทของหลักฐานต่างๆจึงพุ่งไปที่มีน เพราะมีนได้ออกจากห้องสอบไปเข้าห้องน้ำ ดังนั้นตำรวจจึงสันนิษฐานแบบด่วนสรุปไปเลยว่ามีนคือฆาตกร ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ ปลายก็คงจะนั่งเฉยๆไม่รับรู้ไม่ได้แล้ว เขาจะต้องหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของมีนให้จงได้ หากแต่จะง่ายปานนั้นเลยหรือ ตำรวจมีหรือจะยอมให้นักศึกษามายุ่งวุ่นวายกับคดี แน่นอนว่าตำรวจไม่ยอม ดังนั้นปลายจึงต้องใช้อำนาจมืดที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อคดี และด้วยอำนาจมืดนี้เองที่ทำให้ตำรวจไม่กล้ามีปัญหากับปลาย เพราะเบื้องบนสั่งมา
        ปลายวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้นในห้องคอมพิวเตอร์อันเป็นห้องที่เขาใช้สอบ โดยคุณเด็กตกปลา ผู้ประพันธ์เรื่องนี้ ได้ตั้งชื่อ file ไว้ว่า "คอมพิวเตอร์มรณะ" เพราะเจ้าสารพิษตัวร้ายที่ฆ่าเอกให้ตายไปนั้น ถูกทาไว้ที่คีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องของห้อง ทำไมจะต้องทุกเครื่องด้วย นั่นก็เพราะการสอบในห้องคอมพิวเตอร์นี้ จะใช้การสุ่มเลือกที่นั่งสอบ ดังนั้นใครจะนั่งสอบตรงไหนก็ไม่อาจรู้ได้ ด้วยเหตุนี้ ฆาตกรจึงต้องทาสารพิษนี้ที่คีย์บอร์ดทุกเครื่อง อ้าว แล้วทำไมมีแต่เอกที่ตายล่ะ คนอื่นก็โดนสารพิษเหมือนกันนี่ แต่ทำไมมีแต่เอกที่สิ้นชีพล่ะ นั่นก็เพราะเอก 'กัดเล็บ' การกัดเล็บนี่ล่ะ ที่ทำให้เอกถึงแก่ความตาย ในขณะที่คนอื่นไม่ได้กัดเล็บและถ้าไปล้างมือก็สามารถล้างสารพิษนี้ออกได้
       ดังนั้นก็เลยทำให้มีนโดนเพ่งเล็งว่าเป็นฆาตกร เพราะไม่มีสารพิษที่มือของมีน ก็จะไปมีได้ยังไง ก็มีนไปเข้าห้องน้ำ เข้าเสร็จก็ต้องล้างมือตามปกติใช่ไหม ตรงนี้ล่ะที่ทำให้ไม่ปรากฎสารพิษที่มือของมีน
       แล้วแค่นี้ก็สรุปได้แล้วเหรอ ว่ามีนเป็นฆาตกร ทำไมง่ายจังเลยล่ะ 
มันจะไม่ง่ายขนาดนั้นเลย ถ้าหากตำรวจไม่พบกระปุกสารพิษที่ห้องน้ำผู้หญิง ตำรวจสรุปเองเลยว่ามีนนั้นเป็นคนนำกระปุกสารพิษไปทิ้ง เพื่อทำลายหลักฐาน 
       แน่นอนเป็นอย่างยิ่งที่มีนจะปฏิเสธ เพราะมีนไม่ใช่ฆาตกร แล้วไม่มีทางใช่ด้วย เพราะมีนเป็นนางเอกของเรื่อง (มีแบบนี้ด้วยเหรอ??) ซึ่งพระเอกก็ต้องออกโรงช่วยเหลือนางเอกของเขาเอาไว้ เป็นการทำคะแนน...ไม่ใช่จ้ะ ล้อเล่น ... เป็นการทำเพื่อความยุติธรรมต่างหาก 
       เมื่อปลายได้รับการอนุญาตให้สืบคดีแล้ว เขาก็คิด วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่ง่ายเลย อย่าคิดว่าการสืบอะไรจะง่ายเหมือนในละครไปซะหมดนะคะ เพราะงานนี้ปลายนั่งคิดตั้งนานกว่าจะรู้ว่าใครเป็นฆาตกร 
       ปลายสอบถามข้อมูลจากลูกน้องของเขา ทำให้รู้ว่ามีเรื่องแปลกเกิดขึ้นระหว่างที่มีนไปเข้าห้องน้ำ ในตอนนั้นไม่ใช่แค่มีนคนเดียวที่ขออนุญาตไปห้องน้ำ เพราะ "แว่น" หนุ่มเนิร์ดเรียนเก่งก็ขออนุญาตไปห้องน้ำด้วยเหมือนกัน แต่น่าแปลกที่เขากลับยังมีสารพิษอยู่ที่มือของตน 
       ปุ๋ยเขียนมาซะขนาดนี้ เฉลยเลยแล้วกันค่ะว่า แว่น คือฆาตกรที่ฆ่าเอก เขาวางแผนอย่างดีที่จะทำให้เอกถึงแก่ความตาย และเขาก็สมใจหวัง เพราะเขาทราบว่าเอกเป็นคนที่กัดเล็บ ดังนั้นสารพิษจะเข้าถึงร่างกายของเอกได้อย่างแน่นอน 
       แล้วทำไมปลายถึงทราบล่ะว่าแว่นเป็นฆาตกร นั่นก็เพราะคำตอบข้อหนึ่งที่แว่นพิมพ์ส่ง คนอื่นเขาพิมพ์กันเป็นตัวเลข แต่แว่นดันพิมพ์เป็นตัวอักษรไทย ซึ่งปลายที่นั่งสอบข้างแว่น ก็ลอกคำตอบมาซะทุกข้อ ตามประสาพ่อคนขยันเรียนขยันอ่านหนังสือ ที่มานั่งอ่านเอาเป็นจริงเป็นจังก่อนเข้าห้องสอบ ดังนั้นปลายเลยทราบว่าแว่นมีแนวโน้มเป็นฆาตกร ทว่าแค่นั้นคงไม่พอ ปลายจำได้ว่าแว่นเข้าไปเตรียมตัวสอบก่อนใครในห้องคอมพิวเตอร์ ซึ่งแว่นไม่ได้มานั่งอ่านหนังสือสอบหรอก แต่มาวางสารพิษลงบนคีย์บอร์ดด้านแป้นตัวเลขของคอมพิวเตอร์ให้ครบทุกเครื่องต่างหาก และแว่นก็พลั้งปากออกมาว่า เขาไม่รู้เรื่องกระปุกสารพิษอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่ตอนสอบปากคำ ไม่มีใครพูดถึงกระปุกอะไรเลย คนทำผิดก็มักจะร้อนตัวเป็นเรื่องธรรมดา 
      แล้วตำรวจก็ดำเนินคดีกับแว่นไป ทุกคนก็ใช้ชีวิตเป็นปกติตามเดิม แต่ที่เริ่มจะไม่เหมือนเดิมแล้ว นั่นก็คือปลายกับมีนเริ่มสนิทกัน และมีไปดูหนังกันด้วย เพราะมีนต้องการขอบคุณที่ปลายช่วยเหลือเธอไว้ แต่อย่างไรซะ ความสัมพันธ์ของพระเอกและนางเอกของเรื่อง ก็ยังเป็นแค่เพียงเพื่อนต่อกันเท่านั้น กว่าปลายจะยอมขอมีนเป็นแฟนได้ ก็เกือบจะจบเล่มอยู่แล้ว ไว้วันหลังปุ๋ยจะมาเล่านะคะว่าเขาทั้งสองคนนี้ เป็นแฟนกันได้อย่างไร  
      เอ่อ...นี่ปุ๋ยก็เล่าซะยาวเลย สปอยล์กันขนาดนี้ เดี๋ยวไม่มีใครสนใจเข้าไปอ่านนิยายเรื่อง ปลาย นักสืบจำเป็น ของคุณเด็กตกปลากันพอดี เล่าแค่นี้ก่อนแล้วกันค่ะ ถ้าท่านผู้อ่านสนใจนิยายสืบสวนสอบสวนแล้วล่ะก็ ปุ๋ยบอกได้เลยค่ะว่า ปลาย นักสืบจำเป็น คือนิยายที่จะไม่ทำท่านผู้อ่านผิดหวังเลย 
      สำหรับวันนี้ ขอจบแต่เพียงเท่านี้  สวัสดีค่ะ 

**********************************************

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

ศุกร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ 

วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

“我们愿生生世世做第九世皇的子民”

      สวัสดีวันวาเลนไทน์ค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 
      วันนี้ปุ๋ยมาพบกับทุกท่านอีกเช่นเคยนะคะ แต่ไม่ได้เรื่องของวันวาเลนไทน์ ทว่าจะมาเรื่องประโยคๆหนึ่งที่ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง จนกระทั่งบัดนี้ที่พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัยมา ๔ เดือน ๑ วัน โดยปุ๋ยไม่ได้มาแค่ประโยคภาษาไทยเท่านั้น เพราะปุ๋ยมาพร้อมกับภาษาจีนด้วยค่ะ เป็นประโยคที่เมื่อวานปุ๋ยแจ้งกับทุกท่านไว้ว่าจะนำเสนอ ซึ่งประโยคดังกล่าวนั้นก็คือ 
      "ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป" 
      ประโยคดังกล่าวนี้ ในภาษาจีนกลางพูดได้ว่า “我们愿生生世世做第九世皇的子民” พินอินของประโยคนี้คือ “Wǒmen yuàn shēngshēngshìshì zuò dì jiǔ shì huáng de zi mín” 
      โดยคำศัพท์ประกอบด้วย 
我们   Wǒmen (หว่อ เมิน)    พวกเรา 
       yuàn (เยวี่ยน)            ยินดี 
生生世世 shēngshēngshìshì (เซิงเซิงซื่อซื่อ)  generation after generation , forever and ever 
做       zuò (จั้ว)                    ทำ , เป็น 
第九世皇   dì jiǔ shì huáng (ตี้ จิ่ว ซื่อ หวง)  รัชกาลที่ ๙ 
的       de (เตอะ)                   ของ , ที่ , ใน 
子民    zi mín (จื่อ หมิน)       ประชาชน  
     ซึ่งความหมายโดยรวมของคำศัพท์ทั้งหมดก็หมายถึง ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป 
     โดยปุ๋ยใช้คำว่า 第九世皇 รัชกาลที่ ๙ เข้ามาด้วย เพราะต้องการสื่อให้ชัดเจนว่า เรากำลังกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ค่ะ 
      สำหรับใครที่ยังไม่ทราบว่าจะสามารถแปลประโยคดังกล่าวนี้อย่างไรดี ก็สามารถนำประโยคที่ปุ๋ยนำเสนอในวันนี้ไปใช้ได้เลยนะคะ 
      วันนี้มาเพียงเล็กน้อย ต้องขอตัวก่อนค่ะ 
      สวัสดีค่ะ 再见

*************************************
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย 
อังคารที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ 


วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

แปลงนาแห่งความภักดี

แปลงนาแห่งความภักดี 


     วันนี้หลายสำนักข่าวได้นำเสนอถึงแปลงนาแห่งหนึ่งในตำบลทุ่งหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ที่ได้ตัดแต่งเป็นภาพเลข ๙ ซึ่งอยู่เหนือพาน ด้านข้างทั้ง ๒ ข้าง เป็นฉัตรและมีเลข ๙ เล็กๆอยู่ด้วย ส่วนด้านล่างมีข้อความที่เขียนว่า “เกิดในรัชกาลที่ ๙" และ "ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” อย่างงดงาม 

     ปุ๋ยคิดว่า แค่คำว่า "ขอบคุณ" นั้น คงจะน้อยเกินไปสำหรับคุณธวัชชัย หมวกสังข์ ค่ะ เพราะคุณธวัชชัยนั้น ได้สร้างพื้นนาธรรมดาให้เป็นพื้นนาที่คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงพลังแห่งความจงรักภักดีของคนไทย พลังแห่งรักที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรีของประเทศไทย โดยที่คุณธวัชชัยได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะชาวนาไทยคนหนึ่งที่เกิดในรัชกาลที่ ๙ ได้เห็นคนไทยทั่วประเทศทำหลายสิ่งเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีถวายแด่พระองค์ท่าน ทำให้เกิดแรงบันดาลใจและอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อพ่อหลวงของเราบ้าง คุณธวัชชัยมีที่นาอยู่ ๕ ไร่ จึงออกแบบวาดรูปเป็นสัญลักษณ์และข้อความดังกล่าว โดยเริ่มหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ และจะเก็บเกี่ยวข้าวแจกจ่ายประชาชนที่ต้องการในต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๐ (ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9600000015095 ค่ะ )


     ปุ๋ยเชื่อว่าคนไทยเรานั้น มีความรักและเทิดทูนไว้เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว สำหรับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เราทุกคนต่างปลาบปลื้มใจและดีใจอย่างที่สุดเมื่อได้กล่าวถึงพระองค์ท่าน เราทุกคนต่างมีความสุขเป็นที่สุดเมื่อได้ฟังเรื่องราวต่างๆของพระองค์ท่าน แต่นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ที่เราจะสามารถเทิดทูนพระเกียรติยศของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้ว คือการปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ท่าน เพราะคำสอนต่างๆที่พระองค์ท่านพระราชทานไว้นั้น คือสิ่งที่สร้างความสุขให้กับพวกเราชาวไทยได้อย่างแท้จริง รวมถึงการช่วยเหลือและแบ่งปันต่อคนอื่นๆด้วย เหมือนดั่งที่พระองค์ท่านได้ทรงช่วยเหลือ ตลอดจนทรงแบ่งปันต่อพสกนิกรของพระองค์มาตลอดพระชนม์ชีพค่ะ 

-----------------------------------------------
      เกร็ดภาษาจีนสำหรับวันนี้ที่ปุ๋ยจะนำเสนอคือ ประโยคที่กล่าวว่า "เราเกิดในรัชกาลที่ ๙" ประโยคนี้ สำหรับภาษาจีนแล้ว จะแปลได้ว่า "我们生于第九世皇的时代。” โดยพินอินของประโยคนี้เขียนได้ดังนี้ค่ะ 
Wǒmen shēng yú dì jiǔ shì huáng de shídài
คำศัพท์ของประโยคนี้ มีความหมายดังนี้ค่ะ 
我们 Wǒmen (หว่อ เมิน) พวกเรา 
生 shēng (เซิง) เกิด 
于 yú (ยวี๋) ใน,ที่ 
第九世皇 Dì jiǔ shì huáng (ตี้ จิ่ว ซื่อ หวง) รัชกาลที่ ๙ 
的 de (เตอะ) ของ,ใน
时代 shídài (สือ ไต้) สมัย 

"我们生于第九世皇的时代。เราเกิดในรัชกาลที่ ๙”
สำหรับเพื่อนพ้องน้องพี่ท่านใดที่กำลังทบทวนภาษาจีนอยู่นั้น วันนี้ปุ๋ยได้นำความรู้มาเสิร์ฟแล้วค่ะ ส่วนผู้ที่ต้องการเรียนภาษาจีนโดยไม่มีพื้นฐานแล้วล่ะก็ ลองออกเสียงตามคำที่ปุ๋ยวงเล็บเอาไว้ก่อนก็ได้นะคะ แล้วจะทราบว่าภาษาจีนกลาง ไม่ได้ยากเกินกว่าจะเรียนรู้ค่ะ 

-------------------------------------------------------------
สำหรับประโยคที่ว่า "ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป" ปุ๋ยจะกล่าวอธิบายในวันหลังนะคะ ขอขอบพระคุณและสวัสดีค่ะ 

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

จันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐ 


วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ดีต่อใจ ไช้เถ่าก้วย

   




     
     สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน
     วันนี้นอกจากจะเป็นวันมาฆบูชาแล้ว ยังเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญอีกวันหนึ่งของชาวจีนด้วยค่ะ นั่นก็คือ เทศกาลหยวนเซียว (元宵节)ซึ่งภาษาจีนกลางนั้น เรียกเทศกาลนี้ว่า "หยวนเซียวเจี๋ย" แต่ถ้าหากเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วแล้วนั้น จะออกเสียงว่า "หง่วงเซียวโจ่ย" ค่ะ
      เทศกาลนี้เป็นเทศกาลโคมไฟ ตรงกับวันที่ ๑๕ เดือน ๑ ตามปฏิทินจันทรคติของจีน เป็นวันสุดท้ายของการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ในสมัยโบราณมักจะนำโคมไฟในรูปแบบต่างๆมาประดับประดา โดยมักจะนำสีแดงมาใช้เพื่อให้เกิดความโชคดี
       ส่วนภาพที่ปุ๋ยแนบมานี้ คือ ขนมหัวผักกาด ค่ะ ปุ๋ยภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่งเพราะแม่ของปุ๋ยทำเองเลยค่ะ (เชียร์ของตัวเองกันหน่อย) ซึ่งแม่ของปุ๋ยทั้งทำขายและทำไว้ไหว้เจ้าเองด้วย โดยหง่วงเซียวโจ่ยจะต้องมีขนมชนิดนี้ไว้สำหรับไหว้เจ้าด้วย
       ขนมหัวผักกาด มีชื่อเรียกเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วว่า ไช้เถ่าก้วย (菜头粿)เป็นอาหารว่างที่รสชาติอร่อย แต่บ้านของปุ๋ยจะทำไช้เถ่าก้วยเฉพาะเทศกาลไหว้บัวลอย ซึ่งจะอยู่ช่วงสิ้นปี และหง่วงเซียวโจ่ย ซึ่งจะอยู่ในช่วงต้นปีค่ะ เหตุผลที่ทำอาหารว่างชนิดนี้เพื่อไหว้เจ้านั้น ก็คือไช้เท้า เป็นชื่อที่ออกเสียงในภาษาจีนแล้วมีความหมายที่ดี เพราะคำว่า 菜 ซึ่งอ่านว่าไฉ่ ในภาษาจีนแต้จิ๋วนั้น พ้องเสียงกับคำว่า ที่อ่านออกเสียงในภาษาจีนแต้จิ๋วว่า ไช้ อันมีความหมายว่า ร่ำรวย ส่วนคำว่า 头 อ่านออกเสียงเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วว่า เท้า มีความหมายว่า หัวหรือศีรษะ นั่นเองค่ะ ดังนั้นการที่นำไช้เถ่าก้วยมาไหว้เจ้านี้ เป็นสิ่งที่มีความหมายมงคลต่อผู้ที่ไหว้เป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะหมายถึง เริ่มต้นปีมีแต่สิ่งดีๆ
        เมื่อนำขนมหัวผักกาดไหว้เจ้าเรียบร้อยแล้วนั้น แม่ของปุ๋ยมักจะนำไปหั่นเป็นชิ้นแล้วทอด ซึ่งอร่อยเป็นอย่างยิ่งค่ะ แต่ถ้ายังไม่อยากรับประทานก็เก็บไว้ในตู้เย็นก่อน แล้วค่อยนำไปหั่นเป็นชิ้นและผัดกับกุ่ยช่ายพร้อมถั่วงอก ก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ



฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
     
        วันนี้นำเสนอเรื่องอาหารว่างที่ดีต่อใจเช่นนี้ หวังว่าผู้อ่านจะมีความสุขในเทศกาลหง่วงเซียวนะคะ
        
        ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
        วันเสาร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐



฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
     

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯสกลนคร ๑๐๙ ครั้ง

           


        สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ปุ๋ยมาซะมืดค่ำเลยค่ะ นั่นเพราะมีหลายอย่างที่จะต้องทำให้เรียบร้อยค่ะ
        จากข้อมูลใน facebook fanpage "ภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองสกลนคร" ทำให้ปุ๋ยได้ทราบถึงการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงทำเพื่อคนไทยทุกภาคให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากพระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดสกลนครถึง ๑๐๙ ครั้ง
        ในด้านแหล่งน้ำนั้น ทางจังหวัดสกลนคร ก็ได้มี "โครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ตลอดจนมี "ศูนย์การศึกษาพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ"
         นี่เป็นเพียง ๒ โครงการจากสี่พันกว่าโครงการของพระองค์ท่าน ซึ่งโครงการเหล่านี้ยังคุณค่ายิ่งต่อราษฎรชาวสกลนคร จำนวนถึง ๑๐๙ ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินนั้น ถือว่าเป็นบุญอย่างยิ่งสำหรับพี่น้องชาวสกลนคร 
         ตัวของปุ๋ยเองเมื่อได้เห็นอ่านข้อความนี้ก็รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก และรู้สึกว่าถ้าเป็นเราล่ะ เราจะสามารถทำงานใหญ่ให้คุณภาพชีวิตของคนทั้งหลายดีขึ้นได้เหมือนอย่างที่พระองค์ท่านทำหรือไม่ ซึ่งปุ๋ยก็ได้คำตอบให้ตัวเองแล้วค่ะว่า ไม่ได้แน่ๆ ดังนั้นงานของเราที่ว่ายากและเหนื่อยแล้ว คงจะไม่หนักเท่ากับการทรงงานของพระองค์ท่านค่ะ
         *เมื่อใดที่เราเหนื่อยหรือท้อ ให้มองพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้วเราจะได้กำลังใจที่จะสู้ต่อไป กลับคืนมา* 

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

ศุกร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐
        




วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

บ้านเชียง หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ CNN แนะนำให้ไปเยือน


ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ้านเชียง
เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง
เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง
(ภาพทั้งหมดจาก http://www.touronthai.com/article/3077)


      สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 
      การท่องเที่ยวของประเทศไทย ไม่ว่าเมื่อไรก็ยังคงเป็นไปได้ด้วยดีนะคะ เพราะประเทศไทยของเรานั้น มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมก็มีชื่อเสียงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแห่งใดในโลกเลยค่ะ 
      วันนี้ปุ๋ยขอแนะนำสำหรับท่านใดที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวที่อ้างอิงประวัติศาสตร์ ตามที่ CNN ได้นำเสนอไปเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐  
       สถานที่แห่งนั้นคือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเชียง 
ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ค่ะ 
      สำหรับสถานที่แห่งนี้ เป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจขุดค้นแหล่งโบราณคดีที่บ้านเชียง ระหว่างปี พ.ศ. 2517–2518 จากการศึกษาหลักฐาน ต่าง ๆ ที่พบทำให้บ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีอายุราว 1822–4600 โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้จดทะเบียนให้แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ เมื่อเดือนธันวาคม 2535 ณ เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย ภายในพิพิธภัณฑฯ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
     ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้า อยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดินเพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดี และโบราณวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาชนะเผาที่ฝังรวมกับศพ
    ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราว และวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีต ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณรวมทั้งโบราณวัตถุ และนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น ภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย ฉายภาพยนตร์ ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่าง ๆ
    การเดินทาง ไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงนั้นสะดวกมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 55 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 22 เส้นอุดรธานี-สกลนคร ตรงกิโลเมตรที่ 50 ก็จะถึงปากทางเข้าบ้านปูลู จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ
    เวลาเปิด-ปิด : พิพิธภัณฑ์ฯเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 04220 8340

(ขอขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก http://www.touronthai.com/article/3077) 

      สำหรับตัวปุ๋ยเองก็ยังไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เช่นกันค่ะ แต่คิดว่าคงจะสนุกและมีมนต์เสน่ห์มากทีเดียวเลยล่ะค่ะ ไว้มีโอกาสจะไปเยือนแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงสักครั้ง
     ตามที่ CNN ได้กล่าวว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ ๖ จากจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวทั้งสิ้น ๑๗ แห่งของโลกประจำปี ๒๕๖๐ ค่ะ 
      ส่วนน้องๆที่ทำข้อสอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย หากในข้อสอบถามว่า 
      โครงกระดูกและและเครื่องใช้ที่ขุดพบที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี เป็นหลักฐานของมนุษย์ในยุคสมัยใด ต้องตอบว่ายุคหินเก่า นะคะ 
       แต่ถ้าข้อสอบไม่ได้ถามถึงยุคสมัย แต่ถามถึงสีสันแล้วไซร้ ก็ต้องตอบว่า เป็นหม้อเขียนสีลายสีแดงค่ะ น้องๆสามารถดูจากภาพประกอบที่พี่ปุ๋ยแนบมาด้านบนได้ จะเห็นได้ว่าทั้งหมดเป็นลายสีแดงค่ะ 


**************************************************************************

วันนี้ทั้งแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งแนะนำคำถามของข้อสอบ
หวังว่าผู้อ่านจะได้รับความรู้ และสนใจสถานที่แห่งนี้กันนะคะ
แล้วพบกันใหม่ค่ะ สวัสดีค่ะ 

+++++++++++++++++++++++++++

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

พฤหัสบดีที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๐

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

๕ ธันวาคม วันสำคัญของคนไทยตราบนิรันดร์

     พวกเราชาวไทยทุกคนล้วนทราบกันดีว่า วันที่ ๕ ธันวาคม ของทุกปีนั้น คือ วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันเป็นวันมหามงคลยิ่งสำหรับชาวไทยทั้งปวง และเป็นวันที่ชาวไทยล้วนปลื้มปิติ ด้วยพระองค์ท่านจะเสด็จฯออกมหาสมาคม เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ถวายพระพร แม้ว่าในบางปีพระองค์จะไม่ได้เสด็จฯออกก็ตาม แต่แค่เพียงได้เห็นพระองค์ท่านเพียงชั่วครู่ พสกนิกรต่างก็โสมนัสเป็นล้นพ้น  
       หากแต่เกินความคาดคิดของพวกเราชาวไทยทุกคน เนื่องด้วยพระมหากษัตริย์ที่ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมมายาวนานกว่า ๗๐ ปี นั้น ได้เสด็จสู่สรวงสวรรคาลัย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙ ณ โรงพยาบาลศิริราช
ยังความทุกข์โทมนัสยิ่งแด่ชาวไทยทั้งผอง
       ดังนั้นแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้วันที่ ๕ ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันสำคัญของประเทศไทย อันประกอบด้วย
        ๑)วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
        ๒)วันชาติไทย ซึ่งถ้าหากถามคนไทยหลายๆคนว่า วันชาติไทย คือวันใด ก็มักจะตอบกันว่า ไม่ทราบ ทั้งที่เป็นวันที่สำคัญอย่างยิ่งของคนไทย หรืออาจจะเพราะไม่ได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ทราบหรืออย่างไร ทำให้คนไทยหลายคนไม่ทราบว่าเป็นวันชาติของไทย ทว่านับแต่นี้ไป คงจะทราบและไม่ลืมเลือนอย่างแน่นอน
        และ ๓)วันพ่อแห่งชาติ ซึ่งวันนี้ก็คงจะไม่ต้องกล่าวสิ่งใดเพิ่มเติมอยู่แล้ว เพราะวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน ย่อมจะต้องให้วันสำคัญนี้ เป็นวันพ่อแห่งชาติ และไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระภัทรมหาราชอันหาที่สุดมิได้

******************************************************
       ปุ๋ยไม่คิดว่าวันที่ ๕ ธันวาคม ของทุกปีจะมีการเปลี่ยนแปลงอันใดแม้ว่าปีที่แล้ว พระองค์ท่านจะไม่ได้เสด็จฯออกมหาสมาคมในวันพระราชสมภพของพระองค์แล้ว แต่พระองค์ก็ยังคงประทับอยู่ในใจของคนไทยตราบนิจนิรันดร์ ไม่ว่าวันใดก็ตาม พวกเราก็จะไม่ลืมพระองค์ท่าน เพราะถ้าหากไม่มีพระองค์ท่านที่เป็นต้นแบบของความดีทั้งมวลแล้ว พวกเราชาวไทย คงจะไม่มีความสุขอย่างที่เคยผ่านมาก็เป็นได้

******************************************************

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย