วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2562

แม้ว่างานจะยากลำบากเพียงใด แต่ก็ควรทำอย่างมีความสุข

     สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน

     ปุ๋ยคิดว่าหลายๆคนคงจะเคยมีประสบการณ์ของการทำงานที่อึดอัดและไม่มีความสุขกันมาบ้างนะคะ ซึ่งปุ๋ยเองก็เคยพบเจอประสบการณ์เช่นนี้เหมือนกันค่ะ จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้มาแบ่งปันเรื่องราวของการเป็นมนุษย์เงินเดือนนะคะ

     เมื่อตอนปีพุทธศักราช ๒๕๖๐ ปุ๋ยได้ไปทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งที่ย่านสีลม โดยเจ้าของบริษัทเป็นชาวจีนที่ชื่นชอบการ ‘สูบบุหรี่’ เป็นอย่างยิ่งค่ะ ด้วยเหตุนี้ การทำงานในห้องแคบๆที่ยังต้องได้รับกลิ่นบุหรี่โดยตลอด จึงเป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งสำหรับการทำงานที่นี่ 



      ท่านผู้อ่านจะอึดอัดหรือไม่คะถ้านายจ้างนำงานมาให้เราทำพร้อมกันกับยืนมองอยู่ด้านข้าง เพื่อดูว่าเราจะรับแรงกดดันการทำงานจากเขาได้หรือไม่ สำหรับปุ๋ยแล้ว อึดอัดเป็นอย่างมากค่ะที่นายจ้างมายืนมองเราทำงาน ทำให้ปุ๋ยรู้สึกว่า การทำงานที่นี่ ‘ยากมาก’ นอกจากนี้ งานชิ้นแรกที่มอบให้นั้น ก็ให้เราทำให้เสร็จภายในเวลา ๑ ชั่วโมง เพราะจะได้เลิกงานทันเวลา ๖ โมงเย็น แต่ทว่า งานแปลไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ยิ่งต้องแปลภาษาไทยให้เป็นภาษาจีนอีก คำศัพท์ก็เป็นเฉพาะด้าน จำเป็นอย่างยิ่งที่ปุ๋ยต้องใช้ ‘Google Translates’ เพื่อประหยัดเวลาในการทำงานสำหรับวันแรกค่ะ



      เมื่อทำงานที่นี่ได้เพียง ๓ วัน พนักงานก็ถูกเรียกเข้าประชุม ซึ่งปุ๋ยและเพื่อนร่วมงานถูกตำหนิจนแทบจะไม่อยากมาทำงานที่นี่อีกเลย เนื่องจากแรงกดดันมหาศาลจากนายจ้าง เขาหวังให้เราทำงานได้เร็ว ถูกต้อง สวยงามอย่างมืออาชีพ แต่เขาไม่ได้ตระหนักให้ถี่ถ้วนว่า คนที่เพิ่งมาทำงาน ทั้งยังไม่เคยทำงานนี้มาก่อน จะสามารถทำทุกอย่างได้ ‘เพอร์เฟกต์’ อย่างที่เขาต้องการเชียวหรือ วันนั้นปุ๋ยแทบจะ ‘ร้องไห้’ เพราะรู้สึกว่า เป็นเวรกรรมของเราแท้ๆที่ต้องมาเผชิญกับนายจ้างที่ ‘ไร้เมตตา’ เช่นนี้ โดยเขาให้ ‘ข้ออ้าง’ กับพนักงานของเขาว่า “如果没有压力,你们没有长大。” ซึ่งมีความหมายว่า “ถ้าไม่มีแรงกดดัน พวกเธอก็ไม่เติบโต” แต่สำหรับปุ๋ยแล้ว ปุ๋ยเชื่อว่าการทำงานด้วยความสบายใจ ก็จะให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งกว่านะคะ
      หลังจากเข้ามาทำงานได้ไม่นานนั้น ปุ๋ยก็ตัดสินใจ ทำในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ นั่นคือ ‘การเขียนบทความ’ และ ‘การเขียนนิยาย’ ค่ะ เนื่องจากสิ่งนี้คือวิธี ‘สร้างความสุข’ สำหรับปุ๋ยค่ะ ไม่อย่างนั้นคงจะ ‘เครียด’ แย่เลย เพราะทุกๆวันจันทร์ ปุ๋ยกับเพื่อนร่วมงานต้องถูกตำหนิกับการทำงานอยู่เสมอ แม้ว่าจะ ‘ทำใจ’ ไว้แล้ว แต่ปุ๋ยก็ยัง ‘รับไม่ได้’ ค่ะ ในใจก็หวังว่าสักวัน จะรอดพ้นจากการทำงานที่แสนทุกข์แห่งนี้



      ถ้าท่านผู้อ่านจะบอกกับปุ๋ยว่าก็เป็นแบบนี้ทุกองค์กร ปุ๋ยว่าองค์กรอื่น ‘คงดีกว่านี้’ ค่ะ เนื่องจากว่า นายจ้างหรือผู้บังคับบัญชา หรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงขององค์กรคงมี ‘น้ำใจ’ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของผู้ปกครองหรือญาติผู้ใหญ่ของเรา ถ้าเขาได้รับทราบว่า คนในครอบครัวของเรา ไม่สบายหรือ ‘ประสบอุบัติเหตุ’ จำเป็นต้อง ‘ลางาน’ เพื่อพาไปพบแพทย์ มีอยู่วันหนึ่ง ปุ๋ยต้องพาคุณแม่ไปพบแพทย์กระดูก เพราะแม่ของปุ๋ยหลบรถที่แล่นมาโดยไม่ทันระวัง ขณะที่คุณแม่กำลังเดินอยู่ริมถนนฟุตบาท จึงทำให้คุณแม่เจ็บเข่าข้างขวาเป็นอย่างมาก ปวดบวม เดินแทบไม่ไหว ระหว่างที่ปุ๋ยรอรับยาหลังจากที่คุณแม่ได้พบแพทย์และได้รับการรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปุ๋ยก็ถ่ายรูปคุณแม่ที่มาพบแพทย์ยังโรงพยาบาล ส่งไปให้ผู้ใหญ่ที่ทำงานเก่าซึ่งยังติดต่อกันได้เห็นภาพดังกล่าว ซึ่งผู้ใหญ่ในที่ทำงานเก่านั้น รีบถามถึงอาการของคุณแม่ด้วยความห่วงใย แต่นายจ้างของปุ๋ยที่ ‘ชอบตำหนิ’ พนักงาน กลับไม่มีการถามไถ่เลยแม้แต่คำเดียว หากยังส่งข้อความมาตำหนิที่ปุ๋ยแปลเนื้อหาผิดอีกต่างหาก แม้ว่าปุ๋ยจะทราบว่าปุ๋ยทำงานสะเพร่า แทนที่จะตรวจดูให้เรียบร้อยก่อน เรามีเวลาพอควร เพราะแปลงานที่บ้านแล้ว ไม่ได้ไปที่บริษัทเพราะต้องดูแลคุณแม่ แต่การถูกตำหนิเช่นนี้ ทำให้ปุ๋ย ‘เสียความรู้สึก’ ค่ะ ถ้าปุ๋ยไม่แปลงานออกไปก็ถูกตำหนิ ถ้าหากแปลไม่ถูกต้องก็ถูกต่อว่า ปุ๋ยก็มีแต่เสียกับเสีย ไม่ว่าทำด้วยความตั้งใจเพียงใดก็ต้องรับฟังคำใน ‘แง่ลบ’ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีแรงใจจะทำงานที่นี่ต่อ ควรจะต้องหางานใหม่ทำโดยเร็วที่สุด อย่างน้อยเราก็คงจะไม่ต้อง ‘ดมควันบุหรี่’ ให้เสียสุขภาพ แต่ความกดดันในการทำงาน ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องมีให้ได้เผชิญกันทุกองค์กรไปค่ะ



      ปุ๋ยก็บ่นเสียมากมาย ท่านผู้อ่านคงจะแปลกใจว่าแล้วการทำงานแห่งนี้ให้ความรู้อะไรกับปุ๋ยบ้างหรือไม่ คำตอบคือ มีอยู่แล้วค่ะ
      ประการแรก ทำให้ปุ๋ยได้แปลเอกสารจากภาษาไทยเป็นภาษาจีนทุกวัน เป็นการฝึกฝน และเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆอยู่เสมอ
      ประการที่ ๒ ทำให้รู้จักนิสัยของชาวจีนมากขึ้น เนื่องจากเพื่อนร่วมงานของปุ๋ยในที่แห่งนั้นล้วนเป็นคนจีนที่เรียนภาษาไทยกันมา เมื่อมาทำงานที่ประเทศไทย ก็ต้องสนทนาภาษาไทยกับคนไทยที่ไม่ได้เรียนภาษาจีนด้วย ปุ๋ยจึงได้รู้จักนิสัยของคนจีนมากขึ้น ทั้งการรับประทานอาหารของคนจีน ที่เราอาจจะเข้าใจว่าเขาไม่รับประทานอาหารเผ็ด แต่กลับกันเลยค่ะ เพราะพวกเขาชอบรับประทานอาหารที่มีรสชาติเผ็ดกัน การพูดคุยกันของคนจีน รวมไปถึงการทำงานของพวกเขา เป็นต้น
       ประการที่ ๓ ได้ทำงานหลายอย่างที่ไม่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้าจากออฟฟิศเมท การชงชาจีนให้แขก การชงกาแฟให้นายจ้าง การดูแลพื้นที่ในบริษัทให้เรียบร้อย ประสานงานเรื่องซ่อมแซมอะไรต่างๆกับฝ่ายนิติบุคคล ทำให้ปุ๋ยมีประสบการณ์มากขึ้นค่ะ



      เรื่องราวการทำงานบนโลกใบนี้ล้วนไม่ได้ราบรื่นสวยงามอย่างแน่นอน ดังนั้น ปุ๋ยจึงขอฝากภาพข้อความนี้ที่ได้รับมาจากไลน์ด้วยนะคะ




      ท้ายนี้ ปุ๋ยขอบอกกล่าวคำศัพท์ภาษาจีนกลางจากข้อความข้างต้นให้ทุกท่านได้ทราบนะคะ

๑. สูบบุหรี่  抽烟  (โชว เยียน)
๒. อึดอัด  尴尬  (กาน ก้า)
๓. ทำงาน  工作  (กง จั้ว)
๔. สีลม  是隆  (ซื่อ หลง)
๕. นายจ้าง  老板  (เหลา ป่าน)
๖. ตำหนิ  批评  (พี ผิง)
๗. สุขภาพร่างกาย  身体  (เซิน ถี่)
๘. หลีกเลี่ยง  避免  (ปี้ เหมี่ยน)
๙. องค์กร  单位  (ตาน เว่ย)
๑๐. แปล  翻译  (ฟาน อี้)
๑๑. ชาวจีน  中国人  (จง กั๋ว เหยริน)
๑๒. ชาวไทย  泰国人  (ไท่ กั๋ว เหยริน)
๑๓. เรียน  学习  (เสว สี)
๑๔. ชงชา  冲茶  (ชง ฉา)泡茶  (เพ่า ฉา)
๑๕. ชงกาแฟ  冲咖啡 (ชง คา เฟย)泡咖啡  (เพ่า คา เฟย)
๑๖. นิติบุคคล  物业  (อู้ เย่) 
๑๗. ประสบการณ์  经验  (จิง เยี่ยน)
๑๘. อุบัติเหตุ  事故  (ซื่อ กู้) , 意外  (อี้ ไว่)
๑๙. ลางาน  请假  (ฉิ่ง เจี้ย) 
๒๐. กระดูก  骨头  (กู่ โถว)
๒๑. แรงกดดัน  压力  (ยา ลี่)
๒๒. เติบโต  长大  (จ่าง ต้า)
๒๓. น้ำใจ  心意  (ซิน อี้)
๒๔. บทความ  文章  (เหวิน จาง)
๒๕. นิยาย  小说  (เสี่ยว ซัว)



++++++++++++++++++++++++


ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

วันอังคารที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น