วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562

บทความดีๆที่ได้รับจากการส่อต่อมาทางไลน์ ฉบับที่ ๖

 

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน   

วันนี้ปุ๋ยนำเรื่องราวที่น่าประทับใจซึ่งได้อ่านจากไลน์มาแบ่งปันให้ท่านได้อ่านกันค่ะ
เด็กสาวในภาพด้านบนมีนามว่า “แคทเธอรีน คอมเมล (Katherine Commale) ค่ะ ท่านคิดว่าเด็กน้อยอายุเพียง ๕ ขวบ จะสามารถทำอะไรให้กับสังคมได้หรือไม่คะ ถ้าท่านคิดว่ายังไม่ได้หรอก เพราะว่ายังเด็กเกินกว่าจะรู้ความ แต่มิใช่กับเด็กน้อยที่ชื่อแคทเธอรีนคนนี้ค่ะ
เมื่อครั้งที่แคทเธอรีนอายุแค่เพียง ๕ ขวบ เธอได้นั่งดูสารคดีเกี่ยวกับทวีปแอฟริกา ในสารคดีเล่าว่า “ทุกๆ สามสิบวินาที จะมีเด็กคนหนึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมาลาเรีย” ขณะนั้นเธอกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับพ่อและแม่ของเธอ แคทเธอรีนก็เริ่มนับนิ้ว ๑-๒-๓-๔ จนถึง ๓๐ ทันใดนั้นแคทเธอรีนก็ตกใจและตะโกนบอกแม่ของเธอว่า แม่...เด็กแอฟริกาตายไปแล้วหนึ่งคน เราต้องทำอะไรสักอย่าง”
แม่ของเธอจึงได้หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วบอกกับแคทเธอรีนว่า “มาลาเรียเป็นโรคที่น่ากลัว เมื่อเด็กๆ เป็นโรคนี้ เขามักจะเสียชีวิต”
“แล้วทำไมพวกเขาถึงเป็นมาลาเรีย” หนูน้อยแคทเธอรีนได้ถามต่อ  
มาลาเรียติดต่อโดยยุง ซึ่งที่แอฟริกามียุงเยอะมาก” แม่ของเธอชี้แจง  
“แล้วจะทำยังไงดี” หนูน้อยแคทเธอรีนยังคงมุ่งมั่น 
ตอนนี้มีมุ้งที่แช่น้ำยากันยุง เมื่อมีสิ่งนี้ ก็จะป้องกันคนไม่โดนยุงกัดได้” แม่ของเธออธิบายอย่างต่อเนื่อง
“แล้วทำไมพวกเขาไม่ใช่มุ้งแบบนี้หนูน้อยแคทเธอรีนยังคงสงสัย
มุ้งนี้แพงเกินไปสำหรับพวกเขาไม่มีปัญญาซื้อ” แม่ของแคทเธอรีนอธิบายต่อบุตรสาวของตน  
ไม่ได้ เราต้องทำอะไรแล้ว” หนูน้อยแคทเธอรีนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ผ่านไปหลายวัน แม่ได้รับโทรศัพท์จากครูที่โรงเรียนอนุบาล ซึ่งเป็นโรงเรียนที่แคทเธอรีนเรียนอยู่ ครูกล่าวว่า แคตเธอรีนไม่ได้จ่ายค่าขนม แม่ของแคทเธอรีนถามบุตรสาวของตนเมื่อได้รับทราบเรื่องจากครูว่าเงินไปไหน หนูน้อยแคทเธอรีนจึงตอบแม่ของเธอไปว่า “ถ้าหนูอยู่โรงเรียน แล้วไม่กินขนม ไม่กินจุกจิก ไม่ซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ อย่างนี้หนูพอจะซื้อมุ้งได้ไหมคะ
เมื่อได้ฟังดังนั้น แม่ของแคทเธอรีนจึงพาเธอไปห้างสรรพสินค้า พวกเขาใช้เงิน ๑๐ เหรียญเพื่อซื้อมุ้งชนาดใหญ่ ๑ หลังสำหรับเด็ก ๔ คน แล้วจึงโทรศัพท์ไปหาองค์กรการกุศลที่ทำงานในแอฟริกาว่าจะส่งมุ้งไปให้อย่างไร พวกเขาบังเอิญพบกับหน่วยงานแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Nothing but net  ซึ่งไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง โดยหน่วยงานนี้จะส่งมุ้งไปให้เด็กแอฟริกาโดยเฉพาะ แคทเธอรีนจึงส่งมุ้งไปให้หน่วยงานนี้ด้วยมือของตัวเอง
เวลาผ่านไป ๑ สัปดาห์ แคทเธอรีนได้รับจดหมายขอบคุณจากหน่วยงานนี้ ในจดหมายกล่าวว่าแคทเธอรีนเป็นผู้บริจาคที่อายุน้อยที่สุด และบอกอีกว่า ถ้าบริจาคครบ ๑๐ หลัง จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ
แคทเธอรีนขอให้แม่ของเธอไปเปิดท้ายขายของกับเธอ ซึ่งหนูน้อยได้นำหนังสือเก่า ของเล่น เสื้อผ้าเก่ามาขาย เมื่อได้รับเงินแล้ว จะนำไปบริจาค แต่ทว่าขายไม่ดีเลย แคทเธอรีนจึงคิดว่า “ตอนหนูบริจาคมุ้ง เขายังให้ใบประกาศเกียรติคุณ งั้นคนอื่นซื้อของหนู ให้เงินหนู งั้นเขาก็ต้องได้รับเหมือนกันสินะ”
จากนั้นเธอจึงเริ่มลงมือทำใบประกาศเกียรติคุณ แม่ของแคทเธอรีนช่วยเธอซื้อวัสดุ พ่อของแคทเธอรีนช่วยจัดห้อง น้องชายของแคทเธอช่วยวาดรูปหัวใจแห่งรัก ใบประกาศเกียรติคุณทุกใบมีลายมือที่เขียนโดยตัวเธอเองว่า “ในนามของคุณ เราได้ซื้อมุ้งหนึ่งหลังส่งไปแอฟริกา” ซึ่งแน่นอนว่าในใบประกาศเกียรติคุณได้มีลายเซ็นต์ของเธอด้วย
แค่เพียงบริจาคเงิน ๑๐ เหรียญเพื่อซื้อมุ้ง ๑ หลัง คุณก็จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ เพื่อนบ้านของแคทเธอรีนได้เห็นใบประกาศเกียรติคุณของเธอ ต่างก็รู้สึกว่า หนูน้อยแคทเธอรีนนั้นช่างไร้เดียงสา และน่ารักมาก พวกเขาล้วนซาบซึ้งกับความน่าเอ็นดูของเธอ เพียงไม่นานนัก ใบประกาศเกียรติคุณก็ถูกแจกออกไป ๑๐ ใบ
เธอก็ส่งเงินไปที่หน่วยงาน “ไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง” หน่วยงานนี้จึงส่งใบประกาศเกียรติคุณและตั้งให้แคทเธอรีนเป็น “ทูตแห่งมุ้ง”
คนในหน่วยงานได้บอกแคทเธอรีนว่า มุ้งที่เธอบริจาคถูกส่งไปยังหมู่บ้านหนึ่งในประเทศกาน่า ในหมู่บ้านมี ๕๕๐ คน “โอ้ พระเจ้า มุ้งแค่สิบหลังจะพอใช้ได้อย่างไร”
เพื่อนบ้านนอกจากซื้อมุ้งจากแคทเธอรีนยังช่วยเธอทำใบประกาศเกียรติคุณ และได้เป็นทีมงานของแคทเธอรีน
บาทหลวงในชุมชนก็เชิญเธอไปบรรยายในโบสถ์ แคทเธอรีนกล่าวเพียง ๓ นาที ก็ได้รับเงินบริจาคมา ๘๐๐ เหรียญ ทำให้เธอมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาก และหนูน้อยแคทเธอรีนก็ได้เดินทางไปพูดที่โบสถ์แห่งอื่นอีกด้วย
เมื่อตอนที่แคทเธอรีนอายุครบ ๖ ปี เธอได้รับเงินบริจาคแล้ว ๖๓๑๖ เหรียญ อีกทั้งหน่วยงาน “ไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง” ก็ได้นำเรื่องของเธอไปลงในเว็บไซต์อีกด้วย
 วันหนึ่งเธอเห็นเบคแฮ่มปรากฎตัวทางโทรทัศน์ ช่วยทำประชาสัมพันธ์การกุศลให้ “ไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง” เธอรีบเขียนจดหมายขอบคุณไปให้เขา และเธอได้ส่งใบประกาศเกียรติคุณไปให้เขาด้วย ๑ ใบ จากนั้นเบคแฮ่มจึงนำใบประกาศเกียรติคุณนี้ขึ้นเว็บไซต์ส่วนตัวของเขา เรื่องจึงแพร่กระจายออกไปอีก
เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ค.ศ.๒๐๐๗ แคทเธอรีนได้รับจดหมายจากหมู่บ้านที่รับมุ้ง เด็กในหมู่บ้านเขียนในจดหมายว่า “ขอบคุณมุ้งของเธอ เราเห็นรูปเธอ เรารู้สึกว่าเธอสวยมาก”
แคทเธอรีนดีใจมาก ทำให้มีกำลังใจเพิ่มอีก เธอและทีมงานลงมือทำใบประกาศเกียรติคุณอีก ๑๐๐ ใบ แล้วส่งไปให้มหาเศรษฐีที่ติดอันดับในนิตยสาร “ฟร๊อบ”
ในนั้นมีอยู่ ๑ ใบที่เขียนว่า “คุณบิลเกตที่เคารพ ไม่มีมุ้ง เด็กแอฟริกาจะตายเพราะมาลาเรีย พวกเขาต้องการเงิน แต่เงินอยู่ที่คุณ”
เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ค.ศ.๒๐๐๗ มูลนิธิบิลเกตประกาศบริจาคเงิน ๓ ล้านเหรีญให้หน่วยงาน “ไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง” บิลเกตได้กล่าวว่า “ผมได้รับใบประกาศเกียรติคุณพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง บอกว่า เงินที่ซื้อมุ้งให้เด็กแอฟริกาอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่นำเงินออกมา คงไม่ได้แน่”
ในปี ค.ศ.๒๐๐๘ มูลนิธิบิลเกตออกเงินถ่ายทำสารคดี “เด็กช่วยเด็ก” แคทเธอรีนจึงได้มีโอกาสไปแอฟริกา ครั้งนั้นเธอได้เห็นพวกเด็ก ๆ เขียนชื่อเธอไว้บนมุ้งด้วย พวกเขาเรียกมุ้งช่วยชีวิตนี้ว่า “มุ้งแคทเธอรีน” หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า “หมู่บ้านแคทเธอรีน” หนูน้อยแคทเธอรีนอายุ ๗ ขวบ ได้ช่วยชีวิตเด็กแอฟริกาแล้ว ๒๐,๐๐๐ คน
เครดิตข้อมูลจาก โอสธี

จากบทความนี้ ทำให้เราได้ทราบว่า อายุนั้นไม่ใช่อุปสรรคสำคัญที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้สังคมและโลกมนุษย์  ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษ ทุกๆคนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้นได้ ท่านเองก็ทำได้ โปรดจงเริ่มทำตั้งแต่นี้เลยค่ะ


+++++++++++++++++++++++++++


ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

วันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๒  






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น