สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้ปุ๋ยนำเรื่องราวที่น่าประทับใจซึ่งได้อ่านจากไลน์มาแบ่งปันให้ท่านได้อ่านกันค่ะ
เด็กสาวในภาพด้านบนมีนามว่า “แคทเธอรีน คอมเมล (Katherine Commale)” ค่ะ
ท่านคิดว่าเด็กน้อยอายุเพียง ๕ ขวบ จะสามารถทำอะไรให้กับสังคมได้หรือไม่คะ
ถ้าท่านคิดว่ายังไม่ได้หรอก เพราะว่ายังเด็กเกินกว่าจะรู้ความ แต่มิใช่กับเด็กน้อยที่ชื่อแคทเธอรีนคนนี้ค่ะ
เมื่อครั้งที่แคทเธอรีนอายุแค่เพียง ๕ ขวบ เธอได้นั่งดูสารคดีเกี่ยวกับทวีปแอฟริกา
ในสารคดีเล่าว่า “ทุกๆ สามสิบวินาที
จะมีเด็กคนหนึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมาลาเรีย”
ขณะนั้นเธอกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่กับพ่อและแม่ของเธอ
แคทเธอรีนก็เริ่มนับนิ้ว ๑-๒-๓-๔ จนถึง ๓๐ ทันใดนั้นแคทเธอรีนก็ตกใจและตะโกนบอกแม่ของเธอว่า
“แม่...เด็กแอฟริกาตายไปแล้วหนึ่งคน
เราต้องทำอะไรสักอย่าง”
แม่ของเธอจึงได้หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วบอกกับแคทเธอรีนว่า “มาลาเรียเป็นโรคที่น่ากลัว
เมื่อเด็กๆ เป็นโรคนี้ เขามักจะเสียชีวิต”
“แล้วทำไมพวกเขาถึงเป็นมาลาเรีย”
หนูน้อยแคทเธอรีนได้ถามต่อ
“มาลาเรียติดต่อโดยยุง ซึ่งที่แอฟริกามียุงเยอะมาก”
แม่ของเธอชี้แจง
“แล้วจะทำยังไงดี” หนูน้อยแคทเธอรีนยังคงมุ่งมั่น
“ตอนนี้มีมุ้งที่แช่น้ำยากันยุง
เมื่อมีสิ่งนี้ ก็จะป้องกันคนไม่โดนยุงกัดได้” แม่ของเธออธิบายอย่างต่อเนื่อง
“แล้วทำไมพวกเขาไม่ใช่มุ้งแบบนี้” หนูน้อยแคทเธอรีนยังคงสงสัย
“มุ้งนี้แพงเกินไปสำหรับพวกเขาไม่มีปัญญาซื้อ”
แม่ของแคทเธอรีนอธิบายต่อบุตรสาวของตน
“ไม่ได้ เราต้องทำอะไรแล้ว” หนูน้อยแคทเธอรีนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ผ่านไปหลายวัน แม่ได้รับโทรศัพท์จากครูที่โรงเรียนอนุบาล
ซึ่งเป็นโรงเรียนที่แคทเธอรีนเรียนอยู่ ครูกล่าวว่า แคตเธอรีนไม่ได้จ่ายค่าขนม แม่ของแคทเธอรีนถามบุตรสาวของตนเมื่อได้รับทราบเรื่องจากครูว่าเงินไปไหน
หนูน้อยแคทเธอรีนจึงตอบแม่ของเธอไปว่า “ถ้าหนูอยู่โรงเรียน แล้วไม่กินขนม
ไม่กินจุกจิก ไม่ซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ อย่างนี้หนูพอจะซื้อมุ้งได้ไหมคะ”
เมื่อได้ฟังดังนั้น แม่ของแคทเธอรีนจึงพาเธอไปห้างสรรพสินค้า พวกเขาใช้เงิน
๑๐ เหรียญเพื่อซื้อมุ้งชนาดใหญ่ ๑ หลังสำหรับเด็ก ๔ คน แล้วจึงโทรศัพท์ไปหาองค์กรการกุศลที่ทำงานในแอฟริกาว่าจะส่งมุ้งไปให้อย่างไร
พวกเขาบังเอิญพบกับหน่วยงานแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Nothing but net ซึ่งไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง
โดยหน่วยงานนี้จะส่งมุ้งไปให้เด็กแอฟริกาโดยเฉพาะ แคทเธอรีนจึงส่งมุ้งไปให้หน่วยงานนี้ด้วยมือของตัวเอง
เวลาผ่านไป ๑ สัปดาห์ แคทเธอรีนได้รับจดหมายขอบคุณจากหน่วยงานนี้ ในจดหมายกล่าวว่าแคทเธอรีนเป็นผู้บริจาคที่อายุน้อยที่สุด
และบอกอีกว่า ถ้าบริจาคครบ ๑๐ หลัง จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ
แคทเธอรีนขอให้แม่ของเธอไปเปิดท้ายขายของกับเธอ ซึ่งหนูน้อยได้นำหนังสือเก่า
ของเล่น เสื้อผ้าเก่ามาขาย เมื่อได้รับเงินแล้ว จะนำไปบริจาค แต่ทว่าขายไม่ดีเลย แคทเธอรีนจึงคิดว่า
“ตอนหนูบริจาคมุ้ง เขายังให้ใบประกาศเกียรติคุณ
งั้นคนอื่นซื้อของหนู ให้เงินหนู งั้นเขาก็ต้องได้รับเหมือนกันสินะ”
จากนั้นเธอจึงเริ่มลงมือทำใบประกาศเกียรติคุณ แม่ของแคทเธอรีนช่วยเธอซื้อวัสดุ
พ่อของแคทเธอรีนช่วยจัดห้อง น้องชายของแคทเธอช่วยวาดรูปหัวใจแห่งรัก
ใบประกาศเกียรติคุณทุกใบมีลายมือที่เขียนโดยตัวเธอเองว่า “ในนามของคุณ
เราได้ซื้อมุ้งหนึ่งหลังส่งไปแอฟริกา” ซึ่งแน่นอนว่าในใบประกาศเกียรติคุณได้มีลายเซ็นต์ของเธอด้วย
แค่เพียงบริจาคเงิน ๑๐ เหรียญเพื่อซื้อมุ้ง ๑ หลัง คุณก็จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ
เพื่อนบ้านของแคทเธอรีนได้เห็นใบประกาศเกียรติคุณของเธอ ต่างก็รู้สึกว่า
หนูน้อยแคทเธอรีนนั้นช่างไร้เดียงสา และน่ารักมาก พวกเขาล้วนซาบซึ้งกับความน่าเอ็นดูของเธอ
เพียงไม่นานนัก ใบประกาศเกียรติคุณก็ถูกแจกออกไป ๑๐ ใบ
เธอก็ส่งเงินไปที่หน่วยงาน “ไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง” หน่วยงานนี้จึงส่งใบประกาศเกียรติคุณและตั้งให้แคทเธอรีนเป็น “ทูตแห่งมุ้ง”
คนในหน่วยงานได้บอกแคทเธอรีนว่า มุ้งที่เธอบริจาคถูกส่งไปยังหมู่บ้านหนึ่งในประเทศกาน่า ในหมู่บ้านมี
๕๕๐ คน “โอ้ พระเจ้า มุ้งแค่สิบหลังจะพอใช้ได้อย่างไร”
เพื่อนบ้านนอกจากซื้อมุ้งจากแคทเธอรีนยังช่วยเธอทำใบประกาศเกียรติคุณ และได้เป็นทีมงานของแคทเธอรีน
บาทหลวงในชุมชนก็เชิญเธอไปบรรยายในโบสถ์ แคทเธอรีนกล่าวเพียง ๓ นาที
ก็ได้รับเงินบริจาคมา ๘๐๐ เหรียญ ทำให้เธอมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาก และหนูน้อยแคทเธอรีนก็ได้เดินทางไปพูดที่โบสถ์แห่งอื่นอีกด้วย
เมื่อตอนที่แคทเธอรีนอายุครบ ๖ ปี เธอได้รับเงินบริจาคแล้ว ๖๓๑๖
เหรียญ อีกทั้งหน่วยงาน “ไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง” ก็ได้นำเรื่องของเธอไปลงในเว็บไซต์อีกด้วย
วันหนึ่งเธอเห็นเบคแฮ่มปรากฎตัวทางโทรทัศน์
ช่วยทำประชาสัมพันธ์การกุศลให้ “ไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง” เธอรีบเขียนจดหมายขอบคุณไปให้เขา และเธอได้ส่งใบประกาศเกียรติคุณไปให้เขาด้วย
๑ ใบ จากนั้นเบคแฮ่มจึงนำใบประกาศเกียรติคุณนี้ขึ้นเว็บไซต์ส่วนตัวของเขา
เรื่องจึงแพร่กระจายออกไปอีก
เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ค.ศ.๒๐๐๗ แคทเธอรีนได้รับจดหมายจากหมู่บ้านที่รับมุ้ง
เด็กในหมู่บ้านเขียนในจดหมายว่า “ขอบคุณมุ้งของเธอ เราเห็นรูปเธอ
เรารู้สึกว่าเธอสวยมาก”
แคทเธอรีนดีใจมาก ทำให้มีกำลังใจเพิ่มอีก
เธอและทีมงานลงมือทำใบประกาศเกียรติคุณอีก ๑๐๐ ใบ แล้วส่งไปให้มหาเศรษฐีที่ติดอันดับในนิตยสาร
“ฟร๊อบ”
ในนั้นมีอยู่ ๑ ใบที่เขียนว่า “คุณบิลเกตที่เคารพ
ไม่มีมุ้ง เด็กแอฟริกาจะตายเพราะมาลาเรีย พวกเขาต้องการเงิน แต่เงินอยู่ที่คุณ”
เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ค.ศ.๒๐๐๗ มูลนิธิบิลเกตประกาศบริจาคเงิน ๓ ล้านเหรีญให้หน่วยงาน
“ไม่ต้องการอะไรนอกจากมุ้ง” บิลเกตได้กล่าวว่า “ผมได้รับใบประกาศเกียรติคุณพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง
บอกว่า เงินที่ซื้อมุ้งให้เด็กแอฟริกาอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่นำเงินออกมา คงไม่ได้แน่”
ในปี ค.ศ.๒๐๐๘ มูลนิธิบิลเกตออกเงินถ่ายทำสารคดี “เด็กช่วยเด็ก” แคทเธอรีนจึงได้มีโอกาสไปแอฟริกา ครั้งนั้นเธอได้เห็นพวกเด็ก ๆ เขียนชื่อเธอไว้บนมุ้งด้วย
พวกเขาเรียกมุ้งช่วยชีวิตนี้ว่า “มุ้งแคทเธอรีน” หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า “หมู่บ้านแคทเธอรีน” หนูน้อยแคทเธอรีนอายุ ๗ ขวบ ได้ช่วยชีวิตเด็กแอฟริกาแล้ว ๒๐,๐๐๐ คน
เครดิตข้อมูลจาก โอสธี
จากบทความนี้ ทำให้เราได้ทราบว่า อายุนั้นไม่ใช่อุปสรรคสำคัญที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้สังคมและโลกมนุษย์ ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษ ทุกๆคนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้นได้ ท่านเองก็ทำได้ โปรดจงเริ่มทำตั้งแต่นี้เลยค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
วันอังคารที่ ๑๑
มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น