วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ทำใจให้สบาย ไม่มีอะไรร้ายแรงจนแก้ไขไม่ได้

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน


     เมื่อท่านได้ดูภาพนี้ ท่านรู้สึกว่าแปลกหรือไม่คะ ก้อนหินอะไรจะใหญ่โตปานนี้ แล้วถ้าก้อนหินก้อนนี้ หล่นลงมาทับเรา เราคงหามีชีวิตต่อไปได้ไม่ หรืออาจจะทำให้โลกใบนี้สะเทือนเลือนลั่นเป็นข่าวใหญ่ไปเลยก็ได้ ใช่หรือไม่คะ แต่เมื่อเราอ่านข้อความใต้ภาพว่า ลองมองภาพกลับหัว แล้วคุณจะทราบว่า บางครั้งสถานการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็น เพราะเมื่อกลับหัวภาพจากด้านบนแล้ว ภาพที่เราเห็นจากด้านล่างนั้น ก็คือก้อนหินก้อนหนึ่งที่อยู่ในคูคลอง ส่วนต้นไม้ในภาพคือเงาของต้นไม้ในคูน้ำเท่านั้น



     จากภาพนี้ทำให้เราเข้าใจได้ว่า ชีวิตของเราแม้ว่าจะพบเจออุปสรรค แต่ก็ใช่ว่าทุกอุปสรรค เราจะผ่านพ้นไปมิได้ เพราะเพียงแค่เปลี่ยนมุมมองเล็กน้อยเท่านั้น อุปสรรคที่ว่าใหญ่หลวงนัก ก็จะเป็นเพียงแค่เส้นผมบังภูเขา และแก้ไขได้อย่างไม่มีปัญหาค่ะ
       ขอยกตัวอย่างให้ทุกท่านได้เข้าใจมากขึ้นนะคะ หากท่านผู้อ่านถูกตำหนิเรื่องการพิมพ์งานที่ผิดพลาด ซึ่งทำให้ท่านรู้สึกแย่จนไม่อยากมาทำงานที่นี่อีก ความรู้สึกแย่นี้เปรียบดั่งก้อนหินก้อนยักษ์ที่ลอยอยู่ในอากาศ พร้อมจะหล่นทับตัวเราให้ตายได้ในทันที แต่ถ้าเรามองโลกในแง่ดีแล้ว การพิมพ์งานผิดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนอยู่แล้ว เมื่อถูกคนอื่นตำหนิเช่นนี้ เราก็ต้องระมัดระวังกับการพิมพ์งานให้มากขึ้น ก่อนจะส่งเอกสารออกไป ต้องตรวจทานให้แน่ใจว่าเราพิมพ์ได้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ วันเดือนปีที่จะต้องระบุในเอกสาร รวมไปถึงชื่อและนามสกุลของบุคคลต่างๆค่ะ  


+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

     ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย   

     วันศุกร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒   

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

บทความดีๆที่ได้รับจากการส่งต่อมาทางไลน์ ฉบับที่ ๓

     สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 

     ท่านผู้อ่านคงเคยเล่นเกมทายใจอยู่บ่อยครั้ง มีอยู่วันหนึ่งปุ๋ยก็ได้รับการเล่นเกมนี้จากทางไลน์อีกแล้วค่ะ วันนี้ปุ๋ยจึงได้นำมาให้ทุกท่านได้ลองทายใจกันบ้างนะคะ 
     โดยท่านผู้อ่านมองจากประตูทั้ง ๖ บานที่อยู่ในภาพด้านล่างนี้ และอย่าเพิ่งอ่านคำเฉลยว่าท่านมีอุปนิสัยเป็นเช่นไร เพื่อความแม่นยำของการเล่นเกมนะคะ 

     มาเริ่มกันเลยค่ะ 


















    

แบบที่ ๑ แบบ A เส้นทางอิสระ

     ท่านเป็นคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวอย่างมากมาย และต้องการอิสระที่จะทำอะไรด้วยวิธีการของท่านเอง
     เส้นทางที่กำหนดเองได้ เป็นสิ่งที่ท่านต้องการ และท่านจะไม่ชอบทำอะไรที่ฝืนใจตัวเองเลย
     ท่านเป็นตัวของตัวเองอย่างมากและอาจค่อนข้างดื้อรั้น แต่กระนั้นท่านก็ไม่ชอบเผชิญหน้า ท่านจะต่อต้านอย่างเงียบๆมากกว่า
     ท่านไม่ชอบความเร่งรีบ แต่ชอบที่จะละเมียดละไมกับชีวิต และมีความพอใจกับชีวิตมากจนแทบไม่มีสิ่งอื่นมาดึงความสนใจของท่านได้

.........................................

แบบที่ ๒ แบบ B เส้นทางส่วนตัว

     ถ้าเลือกได้ท่านชอบเดินทางคนเดียว เพราะท่านชอบที่จะสังเกต คิด และแยกแยะอะไรก็ตามที่เข้ามาในความคิดของท่าน
     เส้นทางสำหรับเดินคนเดียวเป็นทางที่ท่านคิดว่าเหมาะกับท่าน แต่แม้ว่าจะมีผู้ร่วมทางด้วย คุณก็ต้องการเวลาที่จะพักคนเดียวสักหน่อย ท่านเป็นคนที่เฉียบแหลม และมองโลกในแบบที่แตกต่าง และคนอื่นๆก็อาจจะได้ไอเดียดีๆจากอีกแง่มุมของท่าน
     แม้ท่านออกจะสันโดษ แต่ท่านก็เป็นคนที่เข้าอกเข้าใจผู้คนและสามารถพูดคุยกับคนอื่นๆได้อย่างดีเมื่อท่านใช้เวลากับพวกเขา

......................................................

แบบที่ ๓ แบบ C เส้นทางสีสัน

     ท่านเป็นคนที่มีเสน่ห์ ชอบอยู่กับคนอื่นๆ ชอบเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และชอบที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ
     เส้นทางที่ท่านต้องการคือทางที่มีสีสัน น่าตื่นเต้น และสวยงาม สำหรับท่านแล้วการเดินทางสำคัญกว่าจุดหมายปลายทาง
     ท่านเป็นคนที่ชอบเรียนรู้และใฝ่รู้ ท่านมักเป็นคนเริ่มต้นการสนทนา และตั้งคำถามต่างๆมากมาย
     ท่านเป็นคนฉลาดและรอบรู้ มีคารมคมคายและอารมณ์ขัน และมักทำให้ผู้คนหัวเราะได้อย่างมากมาย

.......................................................

แบบที่ ๔ แบบ D เส้นทางผจญภัย

     ท่านจะก้าวไปข้างหน้าเสมอแม้จะเป็นเส้นทางที่ยังไม่เคยไปมาก่อน ท่านจะเดินไปก่อนและค่อยรู้ว่าจะพบกับอะไรตามมาภายหลัง
     เส้นทางที่ท่านชอบมักเป็นเส้นทางที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นและน่าหวาดเสียว เพราะท่านมักถูกดึงดูดเข้าสู่สิ่งที่ "ยังไม่รู้"
     ท่านมักไม่ค่อยระมัดระวัง และใครๆจะรู้ว่าท่านชอบทำตามใจโดยไม่คิดก่อน แต่แปลกที่มันมักเป็นสิ่งที่เวิร์คสำหรับท่าน
     ท่านเป็นคนที่เป็นธรรมชาติและแสวงหาความตื่นเต้นในชีวิต ท่านต้องการใช้เวลาทั้งหมดบนโลกนี้ให้คุ้มค่าที่สุด 

............................................................

แบบที่ ๕  แบบ E เส้นทางรื่นรมย์

     ท่านเป็นนักแสวงหาความสงบ มีความสุขง่ายๆ และพอเพียง คุณมักสบายใจมาก ชิล และไม่ชอบอะไรที่กวนใจ
     เส้นทางที่ท่านต้องการคือทางที่ชัดเจนและรื่นรมย์ ท่านต้องการที่จะสนุกสนานกับการเดินทางและรู้ว่าท่านกำลังจะเดินไปทางไหน
     ท่านจะเลือกสิ่งที่ง่ายที่สุดเท่าที่ทำได้ ท่านคิดว่าชีวิตของคนเรานั้นยากพอแล้ว และท่านก็ไม่ต้องการจะยุ่งยากแบบนั้น
     ท่านเป็นคนที่มั่นคงและดูแลคนที่อยู่รอบข้าง คุณเข้ากันได้ดีกับคนอื่นๆและมองโลกในแง่ของความเป็นจริง

..............................................................

แบบที่ ๖ แบบ เส้นทางเงียบสงบ

     ท่านให้คุณค่ากับความสงบในทุกด้านของชีวิต คุณสามารถใช้เวลาอยู่คนเดียวได้เป็นเวลานานๆโดยไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
     เส้นทางที่คุณชอบคือเส้นทางที่นิ่งและสงบ คุณต้องการที่จะซึมซับบรรยากาศรอบตัวโดยไม่ถูกครอบงำจากสิ่งใด
     ท่านมักค้นหาความหมายของทุกสิ่งในชีวิต และท่านใช้ชีวิตอย่างสุขุม ทั้งในการกระทำและในความคิด
     แม้ท่านไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ท่านกลับชอบผู้คนด้วยใจจริง ท่านให้คุณค่า จริงใจ และผูกพันกับคนที่เข้ามาในชีวิตอย่างลึกซึ้ง


*******************************

เกมนี้แม่นยำสำหรับท่านผู้อ่านหรือไม่คะ สำหรับปุ๋ยแล้ว แม่นยำทีเดียวเลยค่ะ 


+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย 

วันพุธที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ 
 

วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

มาดูแลสุขภาพกันเถอะค่ะ (ฉบับที่ ๑)

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 

วันนี้ปุ๋ยมาพร้อมกับข้อความที่ได้อ่านจากทางไลน์อีกแล้วค่ะ เป็นข้อมูลของยารักษาโรค ซึ่งถ้าเป็นยาแผงปัจจุบันจะมีผลต่อไตของเราหากรับประทานสะสมอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราจึงต้องใช้ผลหมากรากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นผู้ช่วยในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของท่าน ดังนี้ค่ะ 

ยาแก้ปวดที่เป็นธรรมชาติที่สุด ยานอนหลับ ยาบำรุงไต ยาลดไขมัน ล้วนแต่แฝงเร้นอยู่รอบตัวเราทั้งสิ้น

๑.ยาบำรุงไตที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ มันเทศ


เครดิตภาพจากเว็บ https://tarotodessert.com

๒.ยานอนหลับที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ กล้วยหอม


เครดิตภาพจาก https://www.allwinfoodthailand.com


๓.ยารักษาผิวหนังที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ ดอกคาโมไมล์


เครดิตภาพจาก https://pantip.com/topic/33433987

๔.ยารักษาโรคหวัดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ มะนาว


เครดิตภาพจาก https://guru.sanook.com/8877/

๕.ยารักษาโรคกระเพาะที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ กะหล่ำปลี


เครดิตภาพจาก https://www.kingfreshfarm.com/product/cabbage/

๖.ยาแก้ปวดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ ขิง


เครดิตภาพจาก https://www.nanagarden.com/product/265197

๗.ยาลดความดันที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ ผักคึ่นช่าย


เครดิตภาพจาก http://postnoname.com/cultivars-have-almost-millions-of-baht/

๘.ยาลดไขมันที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ ซันจา


เครดิตภาพจาก http://www.fuichoontong.com/

๙.ยารักษาเบาหวานที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ อบเชย


เครดิตภาพจาก http://amarin-pharma.com/cinnamon/

๑๐.ยาแก้อักเสบที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ น้ำผึ้ง


เครดิตภาพจาก http://dmscsmartlifeblog.com/channels/index.php?group=1&mode=maincontent&subgroup=233&id=751

๑๑.ยาระบายที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ ลูกพรุน และ กระเจี๊ยบ


เครดิตภาพจาก https://women.thaiza.com/health/255168/
เครดิตภาพจาก https://sukkaphap-d.com/


๑๒.วิตามินที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ สตรอเบอรี่


เครดิตภาพจาก https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/569040

๑๓.ยาชะลอความแก่ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ องุ่น


เครดิตภาพจาก https://shoponline.tescolotus.com/groceries/th-TH/products/6070546703

๑๔.ยาช่วยขับสารพิษจากโลหะหนักในร่างกายที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ ลำไย


เครดิตภาพจาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/beauty/1330729

๑๕.ยาต้านมะเร็งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ กระเทียม


เครดิตภาพจาก http://www.healthywellshop.com

๑๖.ยาแก้โรคบวมน้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ น้ำลูกเดือย


เครดิตภาพจาก http://netdeticaret.com/

๑๗.ยาที่ช่วยให้ผิวพรรณขาวสวยที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ หัวไชเท้า


เครดิตภาพจาก http://nomoremelasma.blogspot.com/2014/10/blog-post.html

๑๘.ยาช่วยย่อยอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ สับปะรด


เครดิตภาพจาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/beauty/1320697

๑๙.ยาช่วยให้ชุ่มปอดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ เห็ดหูหนูขาว


เครดิตภาพจาก https://www.jeedmak.com/

๒๐.ยาช่วยให้สดชื่นหายเหน็ดเหนื่อยที่มีอยู่ตามธรรมชาติ คือ น้ำส้ม


เครดิตภาพจาก https://sites.google.com/site/nasmkhanshop/nasm-khan


สุขภาพร่างกายของเรา นอกจากตัวเราแล้ว ก็ไม่มีใครช่วยให้แข็งแรงได้ ดังนั้นเราจึงควรรักษาสุขภาพของตนเองเสมอ หมั่นออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเราทุกคนก็ทราบกันดีว่า อะไรที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายนะคะ แต่ด้วยความที่เขามีรสชาติอร่อย จึงทำให้เราอดใจไม่ไหว ต้องซื้อมารับประทาน ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่เราต้องตระหนักค่ะ วันนี้ร่างกายของเรายังไม่ฟ้องความผิดปกติออกมา แต่มิได้หมายความว่า อนาคตจะไม่สำแดงอาการนะคะ ดูแลสุขภาพของตนเองตั้งแต่วันนี้ดีกว่าค่ะ 

------------------------------------------------------

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย 

วันอังคารที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ 



วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ซานฟรานซิสโกกับแรงงานจีน 舊金山與華工


สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 
วันนี้ปุ๋ยขอนำเสนอบทความที่เกี่ยวข้องกับชาวจีนกวางตุ้งนะคะ เป็นบทความที่ปุ๋ยอ่านพบในไลน์ จึงขอนำมาให้ทุกท่านได้อ่านด้วยกันค่ะ 
เมื่อมีการขุดพบแร่ทองคำใกล้หมู่บ้านเม็กซิกันที่ชื่อ “เยอร์บา บัวเอน่าYerba Buena คือ “ซานฟรานซิสโก”San Franciscoที่โลกของเราทุกวันนี้รู้จักค่ะ เมื่อปี ค.ศ.๑๘๔๘ นั้น คนจีนได้ไปตั้งหลักแหล่งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาร่วมสิบปีเต็มแล้ว พวกผู้บุกเบิกส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าชาวกวางตุ้งจากเขตซ้ามยับ(三邑)หรือสามตำบลซึ่งประกอบด้วยหน่ามหอย(南海) พูนหยวี่(番禺) และ ส่นตั๊ก(順德) ในขณะที่พวกนักล่าสมบัติและคนงานตั๋วสินเชื่อผู้เล็งการณ์เลิศที่พากันอพยพแห่ตามเข้ามาภายหลังนั้นมาจากหมู่บ้านยากจนในเขตเซยับหรือสี่ตำบล ได้แก่ ตำบล ถ่อยซาน(台山), ซัน หวุ่ย(新會), ฮ้อยเผ่ง(開平) และ ยันเผ่ง恩平)
      ชาวจีนเซยับมากมายหลายหลากเหล่านี้พากันทะลักหลั่งไหลเข้ามาในดินแดนแห่งทองคำและโอกาสที่ผู้คนร่ำลือกันประดุจเทพนิยาย พวกที่ผ่านด่านศุลกากรซานฟรานซิสโกเข้ามาในปี ค.ศ.๑๘๕๒ ระยะเวลาเพียงปีเดียวก็มีจำนวนถึงกว่าสองหมื่นคน ในบรรดาพวกที่เดินทางไกลมาเพื่อหาเก็บเศษทองนั้น บ้างก็ทำงานเองโดยอิสระ บ้างก็ทำงานให้กับนายจ้างคู่สัญญาชาวจีน ส่วนคนอื่นที่เหลือก็ทำงานให้กับบริษัทอเมริกัน ความตื่นทองจนบ้าคลั่งทำให้เมืองซานฟรานซิสโกที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูขาดแคลนแรงงานอย่างสาหัสเสียจนกระทั่งคนงานเหมืองทองพบว่าส่งเสื้อผ้าสกปรกของตัวลงเรือใบเร็วกลับไปซักที่ฮ่องกงหรือฮอโนลูลู ยังมีราคาถูกยิ่งกว่าจ้างคนท้องถิ่นซักให้ ความคิดที่จะนำแรงงานจีนเข้ามาจึงดูเป็นเรื่องที่เห็นกันได้ชัดเจนอยู่แล้ว
สำหรับชาวนาในตำบลถอยซานหรือหอยปิง อเมริกาเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่น่าจะไปอยู่ โดยมิต้องวิตกเรื่องคนงานเหมืองชาวผิวขาวทำตัวเป็นศัตรูและคอยขับไล่นักขุดค้นหาทองชาวจีนออกไปจากเขตทำเหมืองที่ดีที่สุดและบังคับให้พวกเขาไปทำเหมืองในพื้นที่ซึ่งคนอื่นเขาทิ้งขว้างแล้ว อีกทั้งมิต้องไปกังวลเรื่องกฎหมายกีดกันเชื้อชาติซึ่งส่งผลต่อคนจีน แค่ได้อ่านใบปลิวโฆษณาที่แจกจ่ายโดยบริษัทเรือใบซึ่งรับขนส่งผู้อพยพจากจีนมายังอเมริกาจนธุรกิจเฟื่องฟู ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนมึนงงด้วยความฝันหวานเสียแล้ว ใบปลิวประเภทนี้แผ่นหนึ่งประกาศว่า “คนจีนทั้งหมดล้วนแต่หาเงินได้ในนิวออร์ลีนส์ ขอเพียงแค่พวกเขาทำงาน”
“คนจีนที่นั่นร่ำรวยยิ่งกว่าพวกขุนนางเสียอีก ปีแรกได้ค่าจ้าง ๓๐๐ เหรียญสหรัฐฯ แต่หลังจากนั้นจะทำได้กว่าสองเท่าของจำนวนนี้ด้วยซ้ำไป ใครใคร่จะทำอะไรก็ทำในประเทศนั้น ไม่มีใครดีกว่าหรือได้ค่าจ้างสูงกว่าตัวเขา ข้าวจ้าว พืชผัก ข้าวสาลีอย่างดีล้วนแต่ถูกมาก อยู่ที่นั่นแค่สามปีคนงานยากจนก็จะกลายเป็นเศรษฐีและนึกอยากจะกลับบ้านเมื่อไรก็กลับได้ บนเรือเดินทางไปที่นั่นผู้โดยสารจะพบห้องหับน่าอยู่และอาหารอย่างดี พวกเขานึกอยากเล่นเกมสนุกอะไรก็เล่นได้ทั้งนั้นและไม่ต้องทำงาน ทุกอย่างล้วนแต่ดี ทำให้คนมีสุข มันเป็นประเทศที่ดี ที่นั่นไม่มีโรคภัยไข้เจ็บหรืออันตรายถึงชีวิต มาเถอะ ไปกันเลยทันที คุณรอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว อย่าไปฟังเสียงเมียว่ากล่าวตักเตือนหรือเสียงศัตรูข่มขู่ จงเป็นคนจีน แต่ต้องไปให้ได้”
เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว ผู้อพยพจะจดทะเบียนเป็นสมาชิกสมาคมตามถิ่นเกิดของตัว ผู้อพยพจากเขตซัมยับก็จดทะเบียนกับสมาคมซ้ามยับ三邑 ผู้อพยพจากเขตเซ่ยับก็จดทะเบียนกับสมาคมเซยับ四邑 บางครั้งตัวเจ้าหน้าที่สมาคมเอง อาจเป็นเจ้าหนี้หรือเอเย่นต์เจ้าหนี้ของเขาก็เป็นได้
เมื่อถึงปี ค.ศ.๑๘๖๒ มีสมาคมประเภทนี้อยู่หกแห่งและต่อมารวมกันเข้าเป็นสหสมาคมสงเคราะห์จีน駐美中華總會館 อันเป็นองค์การประสานงานซึ่งชาวอเมริกันจะรู้จักกันดีกว่าภายใต้ชื่อ หกบริษัท六大公司องค์การนี้จะคอยติดตามดูแลคนจีนที่เข้าเมืองมาทุกคน และไม่มีผู้อพยพในระบบตั๋วสินเชื่อคนไหนจะออกจากชายฝั่งอเมริกาไปได้หากหกบริษัทไม่อนุมัติ ในแง่ดีที่สุด มันเป็นสมาคมให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในแง่เลวที่สุด พวกหัวหน้าสมาคมก็ไม่ได้ดีไปกว่าไอ้พวกนักข่มขู่รีดไถไชน่าทาวน์สักเท่าไร ในปีหลังๆกงสีจะถูกแทรกซึมโดยสาขาของพวกสมาคมที่เรียกว่า ถ่อง – Tong ในอเมริกา เป็นศัพท์กวางตุ้งหมายถึง ห้องโถง หรือ ห้องนั่งเล่น ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของกงสีมัวหมองไป
ในคืนแรกๆที่ผู้อพยพมาถึง เขาคงจะพักในห้องพักของกงสี และที่นั่นเองที่เขาจะจัดแจงให้ส่งค่าแรงของเขาส่วนหนึ่งไปบ้าน รวมทั้งให้ส่งศพของเขาลงเรือกลับไปประเทศจีนในกรณีที่เขาประสบเคราะห์กรรมอย่างไม่คาดฝันในอเมริกา หลังจากตกลงเรื่องราวสำคัญเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว เขาจึงจะออกเดินทางต่อไปยังเขตทำเหมือง ในเวลาต่อมาหากเขาโชคดี เราอาจจะเหลือบเห็นเขาเดินเข้าร้านจีนแถวริมชายฝั่งทะเลเพื่อเอาแร่ทองที่เขาขุดพบไปทำเป็นทองรูปพรรณเข็มขัดและสร้อย ซึ่งสามารถเย็บซ่อนไว้ในเสื้อผ้าและลักลอบนำเล็ดลอดหูตาของเจ้าหน้าที่ศุลกากรอเมริกันออกจากแคลิฟอร์เนียกลับไปยังประเทศจีนได้

++++++++++++++++++++++++++

ข้อมูลโดย Lynn Pan(潘翎) "Sons of the Yellow Emperor: Story of the Overseas Chinese《炎黃子孫:海外華人的故事》"

//**//**//**//**//**//**//**//**//**//**//**//**//

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
วันศุกร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒



บทความดีๆที่ได้รับจากการส่งต่อมาทางไลน์ ฉบับที่ ๕

     “มีเวลา ๑๐ ปีเพียง ๗ ครั้ง"

     สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน

     บทความนี้เป็นบทความที่มีการส่งต่อกันในโลกโซเชี่ยล ขอท่านผู้อ่านค่อยๆตั้งใจอ่าน เปิดใจรับ แล้วท่านจะพบความสุขที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้ค่ะ


     
     ชีวิตของคนเราจะมีสิบปีสักกี่ครั้งกัน

     ประโยคนี้เป็นความจริงอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าถ้าคนเราอายุเฉลี่ย ๗๐ ปีแล้ว เราก็มีเวลาเพียง ๑๐ ปีแค่ ๗ ครั้งเองค่ะ

     ๑. สิบปีแรก...หมดไปกับ “ความไร้เดียงสา”
     ๒. สิบปีต่อมา...หมดไปกับ “การศึกษาเล่าเรียน”
     ๓. สิบปีต่อมา...หมดไปกับ “การทำงานและการใช้ชีวิต”
     ๔. สิบปีต่อมา...หมดไปกับ “การสร้างฐานะ สร้างครอบครัว”
     ๕. สิบปีต่อมา...หมดไปกับ “การลงหลักปักฐาน และรักษาสิ่งที่หามา”   
     ๖.สิบปีต่อมา...หมดไปกับ การดูแลรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรง
     ๗. สิบปีสุดท้าย...หมดไปกับ “การปล่อยวางทุกสิ่ง และรอคอยการกลับบ้าน”


     แต่ละสิบปีที่ผ่านไป รวดเร็วว่องไวเหมือนดั่งโกหก อีกไม่นานปีนี้ก็จะผ่านไป มีอะไรที่เราทำไปแล้วมากมาย และก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ
     เวลา คือ หน่วยเงินในกำมือของเราที่เอาไปแลกสิ่งอื่น เรานำเวลาไปแลกงานและแลกเงิน แต่เราก็ไม่สามารถนำเงินไปแลกเวลาคืนกลับมาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าหาก“ธนาคารเวลา” มีอยู่จริง เราก็ไม่เคยมีสมุดบัญชีสักเล่มที่จะให้เราดูได้ว่าขณะนี้พวกเราเหลือเวลาอยู่เท่าไหร่แล้ว
     เรารู้ว่าเราใช้ “สิบปี" ของเราไปกี่ครั้งแล้ว แต่เราไม่อาจทราบได้เลยว่า...เราจะใช้ “สิบปี" ที่เหลือของเราได้ครบหรือไม่
     แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเราใช้เวลาสิบปีของเราไปคุ้มค่าหรือเปล่า
     เมื่อเราหันหลังกลับมา ขอให้พูดได้เต็มปากว่าเราใช้มันไปอย่างไม่น่าเสียดาย
     ชี วิ ต ค น เ ร า จ ะ มี “สิ บ ปี" ไ ด้ สั ก กี่ ค รั้ ง
     ดังนั้น ขอให้ทุกท่านใช้เวลาสิบปี ที่มีเพียงเจ็ดครั้งของเรา “ใ ห้ คุ้ ม ค่ า”   
     ดังนั้น เราควรดำรงชีวิตให้เรียบง่าย และสนุกกับการใช้ชีวิต ๓๐% ที่เป็นของท่านให้ดี ด้วยการ “บำรุง” สุขภาพร่างกายของท่านให้ไม่เจ็บปวด


     
     ถึงแม้ว่าท่านจะไม่กระหายแต่ก็ต้อง “ดื่มน้ำ”
     แม้ว่าจิตใจของท่านจะว้าวุ่นเพียงใดก็ต้อง “ปล่อยวาง”
     แม้ว่าท่านจะมีเหตุผลเต็มเปี่ยมแต่ก็ต้อง “ยอมคน”
     แม้ว่าท่านจะมีอำนาจมากมายปานใด แต่ก็ต้องรู้จัก “ถ่อมตน”
     แม้ว่าท่านจะไม่เหน็ดเหนื่อยแต่ก็ต้อง “พักผ่อน”
     แม้ว่าท่านจะรวยแต่ก็ต้อง “รู้จักพอเพียง”
     แม้ว่าท่านจะมีธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้อง “พักผ่อน”
     และหมั่นเตือนตนเองเสมอว่า “ชีวิตนี้สั้นนัก”
     ถ้าท่านอยากกิน ก็จง “กิน”
     ถ้าท่านอยากเที่ยว ก็จง “เที่ยว”
     ถ้าท่านมีเรื่องกลัดกลุ้ม ก็จงอย่าเก็บไว้
     และที่สำคัญคือ “ไม่เครียด ปล่อยวาง”
     @ เวลาที่ยังจับมือไหว ขอให้ท่านเชิญเพื่อนมาสังสรรค์ หรือออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้าง
     @ เวลาที่ท่านยังกอดกันไหว ขอให้ท่านให้โอบกอดกันให้ชื่นใจ
     @ ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง และเพื่อนที่ดีต่อไป
     @ ครอบครัวที่สุขสันต์ต้องมาก่อนสิ่งอื่นเสมอ
     @ เวลาที่อยู่ด้วยกัน อย่าได้โกรธกันง่ายๆ
     อย่าลืมที่ควรจักต้องเป็น “ผู้ให้" ก่อนเสมอ ท่านควรเต็มใจและสุขใจกับการเป็นผู้ “ให้"
     รู้จัก ขอโทษ" และ “สำนึกผิด" ทุกครั้งที่ทำ “ผิด"
     ท้ายสุด “ปล่อยวาง" และ พอเพียง"
     เมื่อท่าน “คิดดี ทำดี พูดดี” ชีวิตของท่านก็จะมีความสุขค่ะ




///+++///+++///+++///+++///+++///+++///

ปุ๋ย - แค่อยากเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ 
วันศุกร์ที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒