วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

ทริปท่องเที่ยว---ผูเถียน ฉบับจบ

     สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 

     อย่างที่ปุ๋ยได้เรียนไว้ในบทความเรื่องทริปท่องเที่ยว—ผูเถียน ฉบับที่ ๒ ว่า ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ พี่ชายได้พาพวกเราไปเที่ยวยังอุทยานแห่งชาติจิ่วหลงกู่ค่ะ ซึ่งคำว่า จิ่วหลงกู่ (九龍谷 -- 九) มีความหมายว่า หุบเขามังกรเก้าตัว โดยที่ จิ่ว เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง เลข๙ หลง เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง มังกร และ กู่  เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง หุบเขา 

     อากาศของที่นี่กำลังดี ไม่ร้อนและไม่หนาว แต่ไม่แน่ใจว่าฝนจะตกหรือไม่ ในกระเป๋าจึงควรมีร่มพกติดตัวไปด้วยค่ะ เราเดินกันไปเรื่อยๆตามทาง ก็ได้เห็นน้ำตกและลำธารสีเขียวใส เดินกันไปก็พบกันกับน้ำพุที่พุ่งสูงแบบเป็นระยะๆ สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆที่มาเที่ยวจิ่วหลงกู่ ก่อนที่พวกเราจะเดินลัดเลาะไปตามทางเรื่อยๆซึ่งใช้เวลานานพอควรค่ะ เล่นซะเหนื่อยเลย มาชมบรรยากาศบางส่วนกันค่ะ

น้ำตกที่จิ่วหลงกู่

จิ่วหลงกู่  九龍谷

มีมังกรตั้ง ๙ ตัวแน่ะ

เล่นแพกันไหม ท่าทางน่าสนุกนะ

ส่วนนี้อยู่ในจิ่วหลงกู่

ประวัติของจิ่วหลงกู่

เณรน้อย

ร้านนี้มีอะไรไม่ทราบค่ะ เพราะไม่ได้เข้าไป

ร้านค้าแห่งหนึ่ง

สายน้ำที่งดงาม

อาคารนี้สร้างมาได้อย่างสวยงาม

บรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อน

สบายๆที่จิ่วหลงกู่

น้ำพุพุ่งสูง

น้ำพุพุ่งสูง ก็ต้องตกลงสู่พื้นน้ำดั่งเดิม 

จิ่วหลงกู่ สวยงามยิ่งนัก

น้ำพุและน้ำตก

มุมหนึ่งในจิ่วหลงกู่

ลำธารเป็นสีเขียวเลยค่ะ

ลำธารอันแสนสวยงาม 

ท่านผู้นี้คือกวี มีนามว่า 徐霞客 (สวีเสียเค่อ)


     เมื่อเราออกจากจิ่วหลงกู่แล้ว ก็ถึงเวลาจับจ่ายซื้อของ พี่ชายพาพวกเราไปห้าง Metro ซึ่งมีลักษณะเหมือนโลตัสหรือแมคโครของบ้านเราค่ะ ถ้าใครสะพายกระเป๋าเป้ ก็ต้องนำไปฝากไว้ในล็อกเกอร์ที่ต้องใช้เหรียญ ๑ หยวนเพื่อให้ล็อกได้ค่ะ พวกพี่ๆซื้อของมาหลายอย่าง ในขณะที่ปุ๋ยเลือกขนม ๑ แพ็คใหญ่มาเป็นของฝากสำหรับเพื่อนร่วมงานค่ะ และปิดท้ายทริปของวันด้วยการรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งปุ๋ยจำชื่อไม่ได้น่ะค่ะ

ภาพนี้ปุ๋ยถ่ายตอนลงจากหยุนติ่งค่ะ

อาคารบ้านเรือนบนเขา

ขณะที่ลงจากหยุนติ่ง

เดินทางกลับผูเถียนกันค่ะ

ธรรมชาติอันสวยงาม

ทริปที่ท่องเที่ยวธรรมชาติค่ะ


     วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ 
ทริปท่องเที่ยววันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับประเทศไทยของพวกเราเริ่มต้นที่การเดินทางไปหยุนติ่ง (中国云顶)ซึ่งอยู่ในเมืองฝูโจว เมื่อเราเดินทางมาถึงแล้ว ก็ต้องพบกับการขยายช่องทางรอบภูเขา ทำให้กว่าจะไปถึงนั้นก็ใช้เวลาพอสมควร และเมื่อมาถึง พวกเรากลับต้องผิดหวังที่ไม่ได้เดินชมธรรมชาติของที่นี่ เพราะการขยายช่องทางนั่นเองค่ะ ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงต้องลงเขาไปรับประทานอาหารกลางวันกัน แล้วจึงไปชมศิลปภัณฑ์ ในเมืองผูเถียน จากนั้นจึงไปช้อปปิ้ง ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีความใกล้เคียงกับสำเพ็งในกรุงเทพฯเลยค่ะ แต่ด้วยความที่ลมเย็นพัดมา ทำให้ปุ๋ยรู้สึกว่า เดินตามลมเย็นไปได้เรื่อยๆ ปุ๋ยควรต้องซึมซับอากาศเย็นไว้ให้มากที่สุด เพราะถ้ากลับมาถึงยังกรุงเทพฯเดือนเมษายนแล้ว คงจะต้องรออีกนานเพื่อให้สัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายน่ะค่ะ 
     
     การมาซื้อของในที่นี้ ปุ๋ยเลือกซื้อสมุดและปากกาแบบยกโหลกลับกรุงเทพฯค่ะ เพราะจะนำไปเป็นของฝากแก่เพื่อนร่วมงานค่ะ ของทั้งหมดที่ซื้อไปมีราคาทั้งสิ้น ๔๒ หยวน หรือประมาณ ๒๑๐ บาทค่ะ ส่วนพี่สาวพี่ชายคนอื่นๆเขาก็มีของฝากกลับมาประเทศไทยเช่นกันค่ะ 
     
     เป็นเวลาเย็นมากแล้วที่เราไปซื้อของกัน เมื่อซื้อของกันเรียบร้อยแล้ว พี่ชายก็พาพวกเราไปวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ประชุมพระสงฆ์ทั่วโลก แต่ปุ๋ยก็เป็นคนขี้หลงขี้ลืม จึงทำให้จำชื่อวัดแห่งนี้ไม่ได้ค่ะ แต่แทนที่จะได้ชมวัดให้ชื่นใจเสียหน่อยก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากฝนตกอย่างหนักค่ะ พวกเราจึงเดินทางไปบ้านของพี่ชายเพื่อเยี่ยมตั่วกู๋ค่ะ 

มาชมศิลปภัณฑ์กันค่ะ
ปลอดภัย 平安

สำเพ็งแห่งเมืองผูเถียนค่ะ

วัดแห่งนั้นที่มีการจัดประชุมพระสงฆ์ทั่วโลก

ทิวทัศน์โดยรอบค่ะ

ท้องฟ้ายามเย็น

อาคารที่จีนมักจะเหมือนกันหลายๆตึก

ยามค่ำในเมืองผูเถียน

ยามค่ำในเมืองผูเถียน

    






































      ตั่วกู๋ เป็นคำที่เรียกคุณลุงหรือคุณน้าคนโต ซึ่งอาจจะเป็นพี่ชายหรือน้องชายของแม่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามีอากู๋หลายคน คนจีนก็จะเรียกตามลำดับว่าตั่วกู๋  (大舅)หยี่กู๋ (二舅)ซากู๋ (三舅)เรื่อยมาจนถึงโซ้ยกู๋ (细舅)ซึ่งมีความหมายว่าลุงหรือน้าชายคนเล็กค่ะ 
     
     บ้านของตั่วกู๋นั้นคือบ้านพี่ชายนี่ล่ะค่ะ อยู่บนอาคารแห่งหนึ่ง ต้องเดินขึ้นบันไดไปถึง ๖ ชั้นเลยค่ะ เมื่อเราชมบ้านของพี่ชายกันไปครู่ใหญ่ พวกเราก็ถ่ายภาพร่วมกัน แล้วจึงไปรับประทานอาหารมื้อค่ำแบบซีฟู้ดกันค่ะ 
     
     ท้ายที่สุดของทริปก็คือการเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ซึ่งพวกเราต้องเดินทางมายังเมืองฝูโจว เพื่อขึ้นเครื่องบินโดยสารการบินเซี่ยเหมินแอร์ไลน์ที่สนามบินฝูโจว ซึ่งสนามบินแห่งนี้คนไม่เยอะมาก สะดวกสบาย อาหารรสชาติดี และรู้สึกว่าประเทศจีนพัฒนาได้อย่างมีศักยภาพค่ะ

     จบทริปการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนแต่เพียงเท่านี้ค่ะ

---------------------------------------------
    
     ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
    
     วันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น