วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2562

ทริปท่องเที่ยว--ผูเถียน (ฉบับที่๑)



สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน

สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังค่ะ
วันสงกรานต์คือเทศกาลที่คนส่วนใหญ่ได้พักผ่อน ท่องเที่ยว ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตนเอง เพื่อจะได้มีแรงทำงานต่อไป ซึ่งปุ๋ยเองก็ได้ไปท่องเที่ยวมาด้วยเช่นกันค่ะ โดยปุ๋ยและเหล่าลูกพี่ลูกน้องล้วนเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองผูเถียน มณฑลฮกเกี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อไปเยี่ยมญาติและถือโอกาสท่องเที่ยวด้วยค่ะ
เครดิตภาพจาก https://board.postjung.com/991972
เครดิตภาพจาก http://protectthaicitizen.blogspot.com/2011/07/blog-post_8861.html

เมื่อกล่าวถึงมณฑลฮกเกี้ยนแล้ว เราคงจะนึกถึงเมืองเซี่ยเหมิน เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงสำหรับคนไทย แต่นอกเหนือจากเมืองเซี่ยเหมินแล้ว ยังมีอีกหลายเมือง อาทิ เมืองฝูโจว จางโจว ผูเถียน เป็นต้นค่ะ 

เครดิตภาพจาก http://www.bkkfly.com/airlines/xiamen-airlines.html

ในการเดินทางครั้งนี้ ปุ๋ยและกลุ่มพี่ๆใช้บริการของสายการบินเซี่ยเหมินแอร์ไลน์ เครื่องบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา ๑๕.๕๐ น.ตามเวลาประเทศไทย มาถึงสนามบินฝูโจวเวลา ๑๙.๒๐ น. ตามเวลาที่ประเทศจีน เมื่อลงมาถึงงวงช้างแล้ว ก็ต้องลงจากตัวเครื่องเพื่อนั่งรถเข้าสู่ด้านในของสนามบินนานาชาติฝูโจวฉางเล่อ (福州长乐国际机场)ซึ่งอากาศตอนที่ลงจากรถ แล้วเข้าสู่สนามบินนั้น เย็นเจี๊ยบเชียวค่ะ คนที่ไม่ค่อยได้สัมผัสอากาศเย็นตามธรรมชาติแบบปุ๋ยจึงรู้สึกหนาวขึ้นมาเชียวค่ะ แล้วปุ๋ยไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไป เพราะไม่คิดว่าจะอากาศเย็น จึงทำได้แค่ใช้ผ้าคลุมไหล่ผืนบาง ๑ ผืนมาคลุมที่ไหล่ของตนเองเท่านั้น
เมื่อผ่านพ้นจากด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วนั้น ปุ๋ยก็ได้พบกับพี่ชายและพี่สาวที่แสนใจดีคอยต้อนรับ ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักก็เดินทางโดยรถตู้ไปยังเมืองผูเถียน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฝูโจวไปประมาณ ๑ ชั่วโมงครึ่ง เพื่อไปโรงแรมผูเถียนไห่หยวนอินเตอร์เนชั่นแนล (Haiyuan International Hotel / 莆田海源国际酒店)เมื่อมาถึงยังโรงแรมแล้ว พี่ชายใจดีก็ได้สั่งอาหารมารอ ซึ่งอาหารรสชาติดีเชียวค่ะ เป็นข้าวผัดและซุปเกี๊ยวหมู ปุ๋ยรับประทานแล้ว ชุ่มคอ อุ่นกาย และอิ่มท้องด้วยค่ะ 
เสร็จสิ้นการรับประทานอาหารค่ำแล้ว ก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัย พรุ่งนี้พร้อมลุยไปเที่ยวกันค่ะ
ยามเช้าเมื่อมองออกมาจากห้องพักในโรงแรม

ยามเช้าเมื่อมองออกมาจากห้องพักในโรงแรม

และแล้วเช้าวันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๒ ก็มาถึงค่ะ ปุ๋ยและพี่ๆลงมารับประทานเช้าที่โรงแรมแบบบุฟเฟต์ เรารับประทานกันเสร็จสรรพก็เดินทางสู่เกาะเหมยโจว ซึ่งใช้เวลาประมาณ
๔๕ นาทีจากโรงแรมก็มาถึงท่าเรือ เพื่อลงเรือข้ามฟากไปเกาะเหมยโจว ในระหว่างนี้ ปุ๋ยก็ได้เห็นบรรยากาศบางส่วนในเมืองผูเถียนค่ะ ปุ๋ยจึงนำภาพมาฝากให้ทุกท่านได้ชมกันด้วยค่ะ
บรรยากาศในเมืองผูเถียนเมื่อถ่ายภาพจากบนรถ


บรรยากาศในเมืองผูเถียน

บรรยากาศในเมืองผูเถียน

เมื่อมาถึงยังท่าเรือแล้ว พวกเราต้องซื้อตั๋วลงเรือกัน คงจะหลายหยวนค่ะ เพราะปุ๋ยไม่ทราบราคาที่แน่นอน 
นอกจากจะสัมผัสลมที่เย็นมากแล้ว ยังต้องพบกับฝนที่ตกปรอยปรายอีกด้วยค่ะ ไม่เพียงเท่านั้น คนที่มาข้ามฟากไปเกาะเหมยโจว ยังมีอีกเยอะมากค่ะ 
ขอแจ้งให้ทราบว่า ห้องน้ำที่ท่าเรือสำหรับผู้หญิงเป็นแบบนั่งยองนะคะ ถ้าข้อเข่าไม่ดีคงจะลำบากอยู่เหมือนกันค่ะ
พวกเราต้องรอคิวลงเรืออยู่สักพักใหญ่ๆ ซึ่งปุ๋ยไม่คิดเลยว่าจะมีคนเยอะได้ถึงเพียงนี้ จากอากาศที่เย็นๆก็เริ่มจะอุ่นขึ้นมาเลยค่ะ

รอคิวจนถึงเวลาที่ลงเรือข้ามฟาก ชาวจีนทั้งหลายต่างกรูกันลงเรืออย่างรวดเร็ว ในขณะที่พวกเราค่อยเป็นค่อยไปค่ะ แม้จะลงเรือแล้วไม่มีที่นั่งก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะประมาณเพียง ๕ นาทีก็เดินทางมาถึงเกาะเหมยโจวแล้วค่ะ 
เกาะเหมยโจวค่ะ สวยหรือเปล่าคะ
เข้าไปด้านในกันค่ะ



ปุ๋ยกำลังนั่งอยู่บนรถกอล์ฟค่ะ

เนื่องด้วยทีมที่ปุ๋ยไปด้วยนั้นมีร่วมยี่สิบชีวิต ทั้งยังมีผู้สูงวัยไปด้วย จึงต้องนั่งรถกอล์ฟไปยังด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้าองค์หม่าโจ้ว (媽祖)ค่ะ โดยใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็มาถึงด้านหน้าของศาลเจ้าแล้วค่ะ จากนี้ไปก็ต้องพึ่งพาตนเองในการขึ้นบันไดไปแต่ละชั้นจนกว่าจะถึงชั้นบนสุด ซึ่งประดิษฐานองค์หม่าโจ้วที่สูงตระหง่านและงดงาม

องค์หม่าโจ้วซึ่งอยู่ด้านบนไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา

โปสเตอร์บนเกาะค่ะ
ประวัติอย่างคร่าวๆขององค์หม่าโจ้ว คือ ท่านเป็นธิดาของเจ้ามณฑลฮกเกี้ยนในสมัยราชวงศ์ซ่ง เกิดในตระกูลลิ้ม มีอยู่วันหนึ่งท่านฝันถึงเหตุการณ์ในภายภาคหน้าว่าจะมีพายุทางทะเล ทำให้มีผู้เสียชีวิต ท่านจึงเตือนบิดาและพี่ชายไม่ให้ออกเรือ แต่ทว่าทั้งสองท่านไม่เชื่อจึงโดยสารเรือเดินทางออกจากเมืองไป และแล้วพายุทางทะเลก็บังเกิดขึ้นเหมือนดั่งที่องค์หม่าโจ้วเคยฝัน จากนั้นก็มีผู้คนในมณฑลฮกเกี้ยน ศรัทธาในหม่าโจ้ว ในกาลต่อมาผู้คนที่เดินเรือก็ต่างสักการะองค์หม่าโจ้ว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพประมง ในปัจจุบันนี้ผู้ที่ประกอบอาชีพต่างๆก็สักการะองค์หม่าโจ้วเช่นกัน เพราะเชื่อว่าท่านสามารถช่วยให้คนที่ต้องการมีลูกได้สมหวังดังปรารถนา 
ปุ๋ยชอบสถาปัตยกรรมแบบจีนค่ะ 

ถ่ายภาพจากด้านบน ซึ่งฝนเริ่มตกมาแล้ว

สาธุชนล้นหลาม

เราค่อยๆเดินขึ้นไปยังชั้นบน ซึ่งมีคนเป็นจำนวนมากมาสักการะองค์หม่าโจ้ว ทำให้พวกเราต้องระวังชีวิตและทรัพย์สินของตนเองให้ดี จนกว่าจะลงไปยังชั้นล่าง ปุ๋ยขึ้นไปทีละชั้น แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และองค์หม่าโจ้วอย่างไม่รีบร้อน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องจึงต้องระมัดระวังการขึ้นบันไดทุกฝีก้าว ในแต่ละชั้นมีองค์หม่าโจ้วปางต่างๆที่แกะสลักงดงามประดิษฐานให้สาธุชนได้สักการะค่ะ
องค์หม่าโจ้วค่ะ

องค์หม่าโจ้วอีกปางค่ะ

ส่วนนี้สำหรับซื้อของสักการะค่ะ

ก่อนจะถึงชั้นบนสุดซึ่งมีองค์หม่าโจ้วหันหน้าไปทางทะเล ผู้ที่มาสักการะนั้นก็ต้องชำระเงินซื้อบัตรขึ้นชมจำนวน ๓๐ หยวน (หรือประมาณ ๑๕๐ บาท) เสียก่อนค่ะ เมื่อมาถึงยังชั้นบนสุดแล้ว ความหนาวได้จากหายไป ฝนก็หยุดตกโดยปริยาย จึงทำให้ปุ๋ยต้องถอดเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอออกไปเลยค่ะ ร่มก็เก็บลง แล้วจึงตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์หม่าโจ้วค่ะ โดยไม่ลืมที่จะถ่ายภาพองค์หม่าโจ้วไว้เป็นที่ระลึกนะคะ ในระหวา่งนั้น นักท่องเที่ยวจะคนจีนกลุ่มหนึ่งมาชักชวนให้ถ่ายภาพอีกด้วย เขาคิดเงินราคาใบละ ๒๐ หยวน (หรือประมาณใบละ ๑๐๐ บาท) ค่ะ แต่ว่าปุ๋ยไม่ได้ถ่ายภาพดังกล่าวที่คนจีนชักชวน จึงไม่มีภาพลักษณะนั้นมาให้ท่านผู้อ่านได้ชมกันค่ะ 
องค์หม่าโจ้วซึ่งอยู่ชั้นบนสุดค่ะ งดงามมาก

ขอลงภาพองค์หม่าโจ้วอีกหนึ่งภาพค่ะ

เมื่อสักการะองค์หม่าโจ้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาลงจากด้านบน เพราะเราใช้เวลากันไปพอสมควรค่ะกว่าจะขึ้นมาถึงชั้นบนสุด จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารมื้อกลางวันค่ะ ซึ่งมื้อนี้มีอาหารของผูเถียนที่อร่อยมากมายนำมาเสิร์ฟให้พวกเราได้ลองลิ้มชิมรสกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นอาหารทะเล อีกทั้งยังมีน้ำแกงให้รับประทานแล้วชุ่มคออีกด้วย 
รับประทานหมี่ค่ะ
เครดิตภาพโดย Vannee Kung

น่าจะเป็น ออส่วน นะ
เครดิตภาพโดย Vannee Kung

หอยลายค่ะ
เครดิตภาพโดย Vannee Kung

รับประทานปลาค่ะ
เครดิตภาพโดย Vannee Kung

นี่เมนูอะไรอ่ะ
เครดิตภาพโดย Vannee Kung

น้ำซุป
เครดิตภาพโดย Vannee Kung

ผัดเปรี้ยวหวานครับ
เครดิตภาพโดย Vannee Kung

ผัดผักค่ะ
เครดิตภาพโดย Vannee Kung

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันในช่วงเวลาบ่ายสองโมงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปุ๋ยกับพี่ๆก็นั่งรถกอล์ฟไปชายหาดของเกาะเหมยโจว เพื่อชมทะเลและเดินเล่นชายหาด แต่ทว่าเมื่อไปถึงแล้ว ลมเย็นพัดโชยมาอย่างไม่หยุดยั้ง คนขี้หนาวทั้งหลายต้องล่าถอยกลับ ดังนั้นแค่เพียงถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและชมสินค้าที่มีจำหน่ายบนชายหาด ก็ประทับใจมากพอสำหรับทีมของปุ๋ยแล้วค่ะ  
โอ้ทะเลแสนงาม

ฟ้าสีครามสดใส

บรรยากาศรอบๆทะเลครับ


วันนี้มีเรื่องมาแบ่งปันเพียงเท่านี้ค่ะ แล้ววันอื่นจะมาเล่าส่วนที่เหลือของทริปท่องเที่ยวผูเถียนของวันต่อๆมาให้อ่านกันต่อนะคะ  
---------------------------------------------------------------
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
วันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น