วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

วิธีสร้างแคลเซียมเสริมความแข็งแรงกระดูกด้วยตนเองด้วยการเดินมากๆ

นายแพทย์อายุ ๖๒ ปีที่ดูหนุ่มและแข็งแรงราวๆอายุ ๓๖ ปีนั้น  ได้เผยเคล็ดลับ  นอกจากกินมื้อเดียว แล้ว ยังต้องเดินมากๆขึ้นด้วย

นายแพทย์ท่านนี้แนะวิธีสร้างกระดูกขาให้แข็งแรงชดเชยแคลเซียม ด้วยการเดินมากขึ้นเป็น ๒ เท่าของคนปกติ

นายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะ (Yoshinori Nagumo) ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาล ๔ แห่งในประเทศญี่ปุ่น ได้เขียนหนังสือซึ่งเป็นผลงานระดับ Best seller ในญี่ปุ่นมาหลายเล่ม เกี่ยวกับการรักษาร่างกายให้แข็งแรง ดูหนุ่มสาวตลอดเวลา

มีบทหนึ่งที่ชื่อว่า “มาชดเชยแคลเซียมด้วยการเดินกันเถอะ” บทความนี้เหมาะกับผู้สูงวัย โดย
นายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะ แนะนำว่า "ถ้าอยากทำให้กระดูกแข็งแรง ต้องเดินให้มากเป็นสองเท่าของคนทั่วไป เพราะแรงโน้มถ่วง จะทำให้กระดูกเพิ่มปริมาณแคลเซียมในกระดูกได้ตามธรรมชาติ"

นายแพทย์ท่านนี้อธิบายเพิ่มเติมว่า "แต่เดิมกระดูกเป็นเหมือนธนาคาร ซึ่งเก็บสะสมแคลเซียมเอาไว้ เมื่อแคลเซียมในเลือดลดลง ก็จะนำแคลเซียมจากกระดูกมาใช้แทน และเมื่อสูงวัยมีการเดินที่ไม่เพียงพอ กระดูกก็จะค่อยๆ เปราะบางลงถึงแม้จะกินแคลเซียมมากขึ้นเพียงใด  ก็ไม่มีผลช่วยอะไรมากนัก เพราะปัจจัยหลักที่สำคัญคือ ปริมาณการออกกำลังกายที่ผู้สูงวัยมีลดน้อยถอยลง บางรายในแต่ละวัน แทบไม่ได้ขยับตัวเลย นอกจากนี้ปริมาณฮอร์โมนก็ลดลงอีกด้วย

เดิมทีฮอร์โมนเพศ  ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศหญิง  หรือฮอร์โมนเพศชาย ต่างก็มี ฤทธิ์เสริมสร้างทำให้กระดูกแข็งแรงและกล้ามเนื้อบึกบึน

สำหรับผู้ชายนั้น ถึงแม้จะใกล้วัย ๘๐ ปี แต่ปริมาณฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตออกมา  ก็ไม่น้อยไปกว่าช่วงวัยรุ่น แต่สำหรับผู้หญิงฮอร์โมนเพศหญิง  จะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุประมาณ ๒๕ ปี และจะหยุดผลิตเมื่อหมดประจำเดือนตอนอายุประมาณ ๕๐ ปี หากไม่มีฮอร์โมนเพศ ก็จะไม่สามารถหล่อเลี้ยงร่างกายได้

ธรรมชาติจึงจำเป็นต้องผลิตฮอร์โมนทดแทนขึ้นมา ชื่อว่า “แอนโดรเจน (Androgen)” ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย  ที่หลั่งออกมาจากต่อมหมวกไต เพื่อชดเชยฮอร์โมนเพศหญิงในส่วนที่ขาด แต่แอนโดรเจนก็ไม่ได้มีปริมาณมากเพียงพอ กระดูกจึงไม่สามารถรักษาแคลเซียมเอาไว้ได้

นอกจากนั้นผู้สูงวัยยังมีแนวโน้มที่จะเดินน้อยลงเรื่อยๆตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงยิ่งทำให้ขาดแคลเซียมมากขึ้นไปอีก ส่งผลทำให้มีอาการปวดหัวเข่าและปวดสะโพก พอปวดแล้วก็จะยิ่งเดินน้อยลงไปอีก  
เมื่อถึงขั้นต้องนั่งรถเข็น ซึ่งก็จะเข้าสู่วงจรแย่ๆ ที่ทำให้ยิ่งมีกระดูกอ่อนแอลงไปจนเกินแก้ไข จนสุดท้ายไม่อาจเดินด้วยขาตนเองได้

ในทางกลับกันหากเป็นวัยหนุ่มสาว หากนั่งทำงานอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์วันๆแทบไม่มีการขยับตัวแล้วจู่ๆวันหนึ่งก็ลุกขึ้นมาใช้ขาอย่างหักโหมในการไปท่องเที่ยวทันที ก็จะมีอาการปวดข้อปวดเข่า เพราะร่างกายไม่เคยชิน ดังนั้นจึงควรฝึกนิสัยรักการเดินให้เป็นกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ
นายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะ (Yoshinori Nagumo )มีอายุถึง ๖๐ ปีแล้ว แต่อายุกระดูกที่ตรวจวัดได้ยังมีอายุเพียงแค่ ๒๘ ปี ซึ่งอ่อนกว่าอายุจริงกว่า ๓๐ ปี นั่นเป็นเพราะนายแพทย์ท่านนี้รักการเดินเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งคุณหมอได้กล่าวไว้ว่า  การเดินน้อยในวัยเด็กที่สะสมมา  จะมีผลอย่างยิ่งต่อระดับความรุนแรงของโรคกระดูกพรุน  เมื่ออายุมากขึ้น พ่อแม่ที่โอ๋ลูกมากๆ ไม่ยอมให้ลูกได้เดินไกล  เพราะกลัวลูกเหนื่อย หรือกลัวลูกลำบาก ควรเปลี่ยนความคิดใหม่ อย่าได้ทำร้ายลูกสุขภาพของลูกในระยะยาว ซึ่งในที่สุดจะเดินด้วยขาตัวเองไม่ได้  เมื่อมีอายุที่มากขึ้น 

นายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะกล่าวอีกว่า พ่อแม่ชาวญี่ปุ่น จะฝึกให้ลูกเดินเยอะๆ  ถ้าหากบ้านและโรงเรียนไม่ไกลจากกันมากนัก  ก็จะใช้วิธีเดินไปกลับ  แทนการนั่งรถไฟฟ้า หรือถ้าขึ้นรถไฟฟ้าก็จะพยายามให้เด็กๆได้ยืน  เพื่อฝึกกำลังขาและสะโพก 
เพราะการฝึกขาและสะโพกให้แข็งแรงตั้งแต่วัยเด็ก 
จะเป็นตัวกำหนดความแข็งแรงของกระดูกไปตลอดชีวิต"


***********************************


ขอบคุณข้อมูลจาก "เสาร์สรรสร้าง" ฉบับวันเสาร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๒ 

**************************************

เที่ยงนี้ หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ไปเดินเล่นกันนะคะ เราจะได้เสริมสร้างแคลเซียมกันค่ะ 

**************************************

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

วันอังคารที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ 



3 ความคิดเห็น: