นายแพทย์อายุ ๖๒ ปีที่ดูหนุ่มและแข็งแรงราวๆอายุ ๓๖ ปีนั้น ได้เผยเคล็ดลับ นอกจากกินมื้อเดียว แล้ว ยังต้องเดินมากๆขึ้นด้วย
นายแพทย์ท่านนี้แนะวิธีสร้างกระดูกขาให้แข็งแรงชดเชยแคลเซียม ด้วยการเดินมากขึ้นเป็น ๒ เท่าของคนปกติ
นายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะ (Yoshinori Nagumo) ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาล ๔ แห่งในประเทศญี่ปุ่น ได้เขียนหนังสือซึ่งเป็นผลงานระดับ Best seller ในญี่ปุ่นมาหลายเล่ม เกี่ยวกับการรักษาร่างกายให้แข็งแรง ดูหนุ่มสาวตลอดเวลา
มีบทหนึ่งที่ชื่อว่า “มาชดเชยแคลเซียมด้วยการเดินกันเถอะ” บทความนี้เหมาะกับผู้สูงวัย โดยนายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะ แนะนำว่า "ถ้าอยากทำให้กระดูกแข็งแรง ต้องเดินให้มากเป็นสองเท่าของคนทั่วไป เพราะแรงโน้มถ่วง จะทำให้กระดูกเพิ่มปริมาณแคลเซียมในกระดูกได้ตามธรรมชาติ"
นายแพทย์ท่านนี้อธิบายเพิ่มเติมว่า "แต่เดิมกระดูกเป็นเหมือนธนาคาร ซึ่งเก็บสะสมแคลเซียมเอาไว้ เมื่อแคลเซียมในเลือดลดลง ก็จะนำแคลเซียมจากกระดูกมาใช้แทน และเมื่อสูงวัยมีการเดินที่ไม่เพียงพอ กระดูกก็จะค่อยๆ เปราะบางลงถึงแม้จะกินแคลเซียมมากขึ้นเพียงใด ก็ไม่มีผลช่วยอะไรมากนัก เพราะปัจจัยหลักที่สำคัญคือ ปริมาณการออกกำลังกายที่ผู้สูงวัยมีลดน้อยถอยลง บางรายในแต่ละวัน แทบไม่ได้ขยับตัวเลย นอกจากนี้ปริมาณฮอร์โมนก็ลดลงอีกด้วย
เดิมทีฮอร์โมนเพศ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศหญิง หรือฮอร์โมนเพศชาย ต่างก็มี ฤทธิ์เสริมสร้างทำให้กระดูกแข็งแรงและกล้ามเนื้อบึกบึน
สำหรับผู้ชายนั้น ถึงแม้จะใกล้วัย ๘๐ ปี แต่ปริมาณฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตออกมา ก็ไม่น้อยไปกว่าช่วงวัยรุ่น แต่สำหรับผู้หญิงฮอร์โมนเพศหญิง จะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุประมาณ ๒๕ ปี และจะหยุดผลิตเมื่อหมดประจำเดือนตอนอายุประมาณ ๕๐ ปี หากไม่มีฮอร์โมนเพศ ก็จะไม่สามารถหล่อเลี้ยงร่างกายได้
ธรรมชาติจึงจำเป็นต้องผลิตฮอร์โมนทดแทนขึ้นมา ชื่อว่า “แอนโดรเจน (Androgen)” ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ที่หลั่งออกมาจากต่อมหมวกไต เพื่อชดเชยฮอร์โมนเพศหญิงในส่วนที่ขาด แต่แอนโดรเจนก็ไม่ได้มีปริมาณมากเพียงพอ กระดูกจึงไม่สามารถรักษาแคลเซียมเอาไว้ได้
นอกจากนั้นผู้สูงวัยยังมีแนวโน้มที่จะเดินน้อยลงเรื่อยๆตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงยิ่งทำให้ขาดแคลเซียมมากขึ้นไปอีก ส่งผลทำให้มีอาการปวดหัวเข่าและปวดสะโพก พอปวดแล้วก็จะยิ่งเดินน้อยลงไปอีก เมื่อถึงขั้นต้องนั่งรถเข็น ซึ่งก็จะเข้าสู่วงจรแย่ๆ ที่ทำให้ยิ่งมีกระดูกอ่อนแอลงไปจนเกินแก้ไข จนสุดท้ายไม่อาจเดินด้วยขาตนเองได้
ในทางกลับกันหากเป็นวัยหนุ่มสาว หากนั่งทำงานอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์วันๆแทบไม่มีการขยับตัวแล้วจู่ๆวันหนึ่งก็ลุกขึ้นมาใช้ขาอย่างหักโหมในการไปท่องเที่ยวทันที ก็จะมีอาการปวดข้อปวดเข่า เพราะร่างกายไม่เคยชิน ดังนั้นจึงควรฝึกนิสัยรักการเดินให้เป็นกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอนายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะ (Yoshinori Nagumo )มีอายุถึง ๖๐ ปีแล้ว แต่อายุกระดูกที่ตรวจวัดได้ยังมีอายุเพียงแค่ ๒๘ ปี ซึ่งอ่อนกว่าอายุจริงกว่า ๓๐ ปี นั่นเป็นเพราะนายแพทย์ท่านนี้รักการเดินเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งคุณหมอได้กล่าวไว้ว่า การเดินน้อยในวัยเด็กที่สะสมมา จะมีผลอย่างยิ่งต่อระดับความรุนแรงของโรคกระดูกพรุน เมื่ออายุมากขึ้น พ่อแม่ที่โอ๋ลูกมากๆ ไม่ยอมให้ลูกได้เดินไกล เพราะกลัวลูกเหนื่อย หรือกลัวลูกลำบาก ควรเปลี่ยนความคิดใหม่ อย่าได้ทำร้ายลูกสุขภาพของลูกในระยะยาว ซึ่งในที่สุดจะเดินด้วยขาตัวเองไม่ได้ เมื่อมีอายุที่มากขึ้น
นายแพทย์โยะชิโนะริ นะงุโมะกล่าวอีกว่า พ่อแม่ชาวญี่ปุ่น จะฝึกให้ลูกเดินเยอะๆ ถ้าหากบ้านและโรงเรียนไม่ไกลจากกันมากนัก ก็จะใช้วิธีเดินไปกลับ แทนการนั่งรถไฟฟ้า หรือถ้าขึ้นรถไฟฟ้าก็จะพยายามให้เด็กๆได้ยืน เพื่อฝึกกำลังขาและสะโพก
เพราะการฝึกขาและสะโพกให้แข็งแรงตั้งแต่วัยเด็ก
จะเป็นตัวกำหนดความแข็งแรงของกระดูกไปตลอดชีวิต"
***********************************
ขอบคุณข้อมูลจาก "เสาร์สรรสร้าง" ฉบับวันเสาร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๒
**************************************
เที่ยงนี้ หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ไปเดินเล่นกันนะคะ เราจะได้เสริมสร้างแคลเซียมกันค่ะ
**************************************
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
วันอังคารที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓
ตอนอ่านกำลังนั่งเล่นคอมอยู่พอดีเลย 555 อ่านจบลุกเดินเลยจ้าา
ตอบลบดีที่สุดค่ะ
ลบขอบคุณคร่าาา
ลบ