อย่างที่ปุ๋ยได้เรียนไว้ในบทความเรื่องทริปท่องเที่ยว—ผูเถียน ฉบับที่ ๒ ว่า ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ พี่ชายได้พาพวกเราไปเที่ยวยังอุทยานแห่งชาติจิ่วหลงกู่ค่ะ ซึ่งคำว่า จิ่วหลงกู่ (九龍谷 -- 九龙谷) มีความหมายว่า หุบเขามังกรเก้าตัว โดยที่ จิ่ว 九 เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง เลข๙ หลง 龙 เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง มังกร และ กู่ 谷 เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึง หุบเขา
อากาศของที่นี่กำลังดี ไม่ร้อนและไม่หนาว แต่ไม่แน่ใจว่าฝนจะตกหรือไม่ ในกระเป๋าจึงควรมีร่มพกติดตัวไปด้วยค่ะ เราเดินกันไปเรื่อยๆตามทาง ก็ได้เห็นน้ำตกและลำธารสีเขียวใส เดินกันไปก็พบกันกับน้ำพุที่พุ่งสูงแบบเป็นระยะๆ สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆที่มาเที่ยวจิ่วหลงกู่ ก่อนที่พวกเราจะเดินลัดเลาะไปตามทางเรื่อยๆซึ่งใช้เวลานานพอควรค่ะ เล่นซะเหนื่อยเลย มาชมบรรยากาศบางส่วนกันค่ะ
น้ำตกที่จิ่วหลงกู่ |
จิ่วหลงกู่ 九龍谷 |
มีมังกรตั้ง ๙ ตัวแน่ะ |
เล่นแพกันไหม ท่าทางน่าสนุกนะ |
ส่วนนี้อยู่ในจิ่วหลงกู่ |
ประวัติของจิ่วหลงกู่ |
เณรน้อย |
ร้านนี้มีอะไรไม่ทราบค่ะ เพราะไม่ได้เข้าไป |
ร้านค้าแห่งหนึ่ง |
สายน้ำที่งดงาม |
อาคารนี้สร้างมาได้อย่างสวยงาม |
บรรยากาศดี เหมาะแก่การพักผ่อน |
สบายๆที่จิ่วหลงกู่ |
น้ำพุพุ่งสูง |
น้ำพุพุ่งสูง ก็ต้องตกลงสู่พื้นน้ำดั่งเดิม |
จิ่วหลงกู่ สวยงามยิ่งนัก |
น้ำพุและน้ำตก |
มุมหนึ่งในจิ่วหลงกู่ |
ลำธารเป็นสีเขียวเลยค่ะ |
ลำธารอันแสนสวยงาม |
ท่านผู้นี้คือกวี มีนามว่า 徐霞客 (สวีเสียเค่อ) |
ภาพนี้ปุ๋ยถ่ายตอนลงจากหยุนติ่งค่ะ |
อาคารบ้านเรือนบนเขา |
ขณะที่ลงจากหยุนติ่ง |
เดินทางกลับผูเถียนกันค่ะ |
ธรรมชาติอันสวยงาม |
ทริปที่ท่องเที่ยวธรรมชาติค่ะ |
ทริปท่องเที่ยววันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับประเทศไทยของพวกเราเริ่มต้นที่การเดินทางไปหยุนติ่ง (中国云顶)ซึ่งอยู่ในเมืองฝูโจว เมื่อเราเดินทางมาถึงแล้ว ก็ต้องพบกับการขยายช่องทางรอบภูเขา ทำให้กว่าจะไปถึงนั้นก็ใช้เวลาพอสมควร และเมื่อมาถึง พวกเรากลับต้องผิดหวังที่ไม่ได้เดินชมธรรมชาติของที่นี่ เพราะการขยายช่องทางนั่นเองค่ะ ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงต้องลงเขาไปรับประทานอาหารกลางวันกัน แล้วจึงไปชมศิลปภัณฑ์ ในเมืองผูเถียน จากนั้นจึงไปช้อปปิ้ง ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีความใกล้เคียงกับสำเพ็งในกรุงเทพฯเลยค่ะ แต่ด้วยความที่ลมเย็นพัดมา ทำให้ปุ๋ยรู้สึกว่า เดินตามลมเย็นไปได้เรื่อยๆ ปุ๋ยควรต้องซึมซับอากาศเย็นไว้ให้มากที่สุด เพราะถ้ากลับมาถึงยังกรุงเทพฯเดือนเมษายนแล้ว คงจะต้องรออีกนานเพื่อให้สัมผัสกับอากาศที่เย็นสบายน่ะค่ะ
การมาซื้อของในที่นี้ ปุ๋ยเลือกซื้อสมุดและปากกาแบบยกโหลกลับกรุงเทพฯค่ะ เพราะจะนำไปเป็นของฝากแก่เพื่อนร่วมงานค่ะ ของทั้งหมดที่ซื้อไปมีราคาทั้งสิ้น ๔๒ หยวน หรือประมาณ ๒๑๐ บาทค่ะ ส่วนพี่สาวพี่ชายคนอื่นๆเขาก็มีของฝากกลับมาประเทศไทยเช่นกันค่ะ
เป็นเวลาเย็นมากแล้วที่เราไปซื้อของกัน เมื่อซื้อของกันเรียบร้อยแล้ว พี่ชายก็พาพวกเราไปวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ประชุมพระสงฆ์ทั่วโลก แต่ปุ๋ยก็เป็นคนขี้หลงขี้ลืม จึงทำให้จำชื่อวัดแห่งนี้ไม่ได้ค่ะ แต่แทนที่จะได้ชมวัดให้ชื่นใจเสียหน่อยก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากฝนตกอย่างหนักค่ะ พวกเราจึงเดินทางไปบ้านของพี่ชายเพื่อเยี่ยมตั่วกู๋ค่ะ
มาชมศิลปภัณฑ์กันค่ะ |
ปลอดภัย 平安 |
สำเพ็งแห่งเมืองผูเถียนค่ะ |
วัดแห่งนั้นที่มีการจัดประชุมพระสงฆ์ทั่วโลก |
ทิวทัศน์โดยรอบค่ะ |
ท้องฟ้ายามเย็น |
อาคารที่จีนมักจะเหมือนกันหลายๆตึก |
ยามค่ำในเมืองผูเถียน |
ยามค่ำในเมืองผูเถียน |
ตั่วกู๋ เป็นคำที่เรียกคุณลุงหรือคุณน้าคนโต ซึ่งอาจจะเป็นพี่ชายหรือน้องชายของแม่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามีอากู๋หลายคน คนจีนก็จะเรียกตามลำดับว่าตั่วกู๋ (大舅)หยี่กู๋ (二舅)ซากู๋ (三舅)เรื่อยมาจนถึงโซ้ยกู๋ (细舅)ซึ่งมีความหมายว่าลุงหรือน้าชายคนเล็กค่ะ
บ้านของตั่วกู๋นั้นคือบ้านพี่ชายนี่ล่ะค่ะ อยู่บนอาคารแห่งหนึ่ง ต้องเดินขึ้นบันไดไปถึง ๖ ชั้นเลยค่ะ เมื่อเราชมบ้านของพี่ชายกันไปครู่ใหญ่ พวกเราก็ถ่ายภาพร่วมกัน แล้วจึงไปรับประทานอาหารมื้อค่ำแบบซีฟู้ดกันค่ะ
ท้ายที่สุดของทริปก็คือการเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ซึ่งพวกเราต้องเดินทางมายังเมืองฝูโจว เพื่อขึ้นเครื่องบินโดยสารการบินเซี่ยเหมินแอร์ไลน์ที่สนามบินฝูโจว ซึ่งสนามบินแห่งนี้คนไม่เยอะมาก สะดวกสบาย อาหารรสชาติดี และรู้สึกว่าประเทศจีนพัฒนาได้อย่างมีศักยภาพค่ะ
จบทริปการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
---------------------------------------------
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
วันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒