สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีภูมิหลังความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่
มีวิวัฒนาการทางการเมืองการปกครองและมีสภาพสังคม วัฒนธรรมที่สั่งสมสืบต่อกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
และจากความคิดริเริ่มเสริมสร้างของประชากรในภูมิภาคนี้ ได้มีผลต่อการสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้า
จนกลายเป็นแหล่งกำเนิดของวิทยาการระดับสูงสมัยใหม่ และเป็นมูลเหตุสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมแพร่หลายไปทั่วโลก
อันเป็นรากฐานของการพัฒนาเรื่อยมาจนถึงโลกสมัยปัจจุบัน และส่งผลให้หลายประเทศในทวีปยุโรปได้กลายเป็นผู้นำด้านวิทยาการความรู้ต่างๆ
จนพัฒนาไปสู่ความเจริญทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจ ทั้งด้านอุตสาหกรรม
เกษตรกรรม รวมทั้งการค้าและการบริการ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มประเทศในภูมิภาคขึ้นเป็นจำนวนหลายกลุ่ม
ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการของยุโรป
เป็นผลสืบเนื่องมาจากการได้รับการถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมจากกรีก -โรมัน แต่ทว่าหลังจากที่อาณาจักรโรมันตะวันตกได้ล่มสลายลงไปในคริสต์ศักราช
๔๕๓ ซึ่งตรงกับพุทธศักราช ๙๙๖ ทางทวีปยุโรปได้ตกอยู่ภายใต้การคุกคามของอนารยชนเผ่าต่างๆ
ทำให้เกิดความยุ่งยากสับสนขึ้นโดยทั่วไป ฉะนั้นนับตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ ๕ เป็นต้นมา
ความเจริญด้านต่างๆของทวีปยุโรปแทบจะหยุดชะงัก หรือที่เรียกกันว่าเป็น ยุคมืดของยุโรป
ซึ่งสถานการณ์โดยทั่วไปของยุโรปจะเริ่มพัฒนาก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ อีกครั้งหนึ่งในคริสต์ศตวรรษที่
๑๔ ถึง ๑๕ เมื่อทวีปยุโรปเข้าสู่ ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ หรือยุคเรเนอซองส์ (Renaissance) โดยเฉพาะการพัฒนาความรู้ทางวิทยาการแขนงต่างๆ
วิถีชีวิตของชาวยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่
๑๕ เป็นต้นมานั้น นับเป็นยุคของการบุกเบิกไปสู่ความเป็นเหตุเป็นผล และตื่นตัวต่อการค้นคว้าแสวงหาความจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้นและความเจริญทางวิทยาการใหม่ๆ
ซึ่งมิได้จำกัดขอบเขตเพียงแต่ทวีปยุโรปเท่านั้น แต่ได้แพร่หลายไปสู่ดินแดนนอกทวีปอีกด้วย
ทั้งประเทศที่เป็นอาณานิคม ตลอดจนประเทศที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป
โดยต่างก็ได้รับถ่ายทอดความเจริญเหล่านี้ไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่
๑๘ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตจากการใช้แรงงานคนหรือสัตว์มาใช้เครื่องจักรแทนนั้น
ได้ทำให้การค้าขายและการพัฒนาอุตสาหกรรมเข้ามามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของผู้คนแทนการเกษตร
มีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักร และเครื่องมือต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก
ส่งผลให้บรรดาโรงงานอุตสาหกรรมขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เกิดการแข่งขันทางการค้า ทำให้ต้องมีการสำรวจดินแดนใหม่
เพื่อแสวงหาแหล่งวัตถุดิบที่จะป้อนโรงงาน รวมทั้งเพื่อเป็นตลาดระบายสินค้าเหล่านั้น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการค้นคว้าวิทยาการที่ใหม่ขึ้นกว่าเดิม
เพื่อนำมาปรับปรุงการผลิตและผลผลิตให้ทันสมัยขึ้นตามลำดับ
ในระยะเวลาต่อมาได้มีการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์
ทำให้วิทยาศาสตร์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อสังคมของชาวยุโรป และได้ขยายขอบเขตออกไปทั่วโลกเช่นกัน
ซึ่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นี้ ได้ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวยุโรปมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างทั่วถึง
และมีการพัฒนาสังคมให้เจริญก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา
หากแต่พัฒนาการในทวีปยุโรปก็มีการหยุดชะงักลงอีกครา
เมื่อบรรดาประเทศต่างๆในทวีปยุโรป ต่างก็มุ่งแข่งขันหาผลประโยชน์ทางการค้า และขยายอำนาจทางการเมืองอย่างไม่หยุดหย่อน
จนเป็นชนวนในการนำยุโรปไปสู่ข้อพิพาทกันหลายครั้ง กระทั่งในที่สุดความขัดแย้งก็บานปลายปะทุเป็นสงครามโลกครั้งที่
๑ ขึ้นมา ซึ่งผลของสงครามได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อบรรดาประเทศต่างๆทั่วทั้งทวีปยุโรป
ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่
๑ ซึ่งเกิดขึ้นในปีคริสต์ศักราช ๑๙๑๔ จนถึงปีคริสต์ศักราช ๑๙๑๔ หรือตรงกับปีพุทธศักราช
๒๔๕๗ ถึงปีพุทธศักราช ๒๔๖๑ ได้สิ้นสุดลงแล้ว ความแตกแยกของประเทศต่างๆในยุโรปเกี่ยวกับเรื่องของการแข่งขันอำนาจทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองยังคงมีอยู่เรื่อยมา
และเป็นสาเหตุของการเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้นมา โดยสงครามโลกครั้งที่ ๒ นี้เกิดขึ้นในปีคริสต์ศักราช
๑๙๓๔ ถึงในปีคริสต์ศักราช ถึงปีคริสต์ศักราช ๑๙๔๑ หรือตรงกับปีพุทธศักราช ๒๔๗๗ ถึงปีพุทธศักราช
๒๔๘๔ นี้
สงครามโลกครั้งที่ ๒ นี้แบ่งเป็น
๒ ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ โดยฝ่ายสัมพันธมิตรประกอบด้วยประเทศอังกฤษ
ฝรั่งเศส และรัสเซีย สำหรับฝ่ายอักษะประกอบด้วยประเทศเยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ซึ่งในที่สุดฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นผู้ได้รับชัยชนะ
หลังจากนั้นประเทศต่างๆในยุโรปเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองและการปกครองที่แตกต่างกันออกไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากคริสต์ศักราช ๑๙๘๙ หรือตรงกับในปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ นั้นได้เกิดแนวคิดประชาธิปไตย
ซึ่งต่อมาได้แพร่หลายไปทั่วทั้งทวีปยุโรป ในขณะที่ความคิดด้านคอมมิวนิสต์ได้เสื่อมลง
อันเป็นผลให้บรรดาประเทศต่างๆในภูมิภาคยุโรปตะวันออกนั้น แยกตัวเป็นรัฐอิสระขึ้นอีกหลายสิบรัฐ
ส่งผลให้การรวมกลุ่มประเทศทั้งของทวีปยุโรปและประเทศต่างๆในโลกเปลี่ยนแปลงไปตามด้วย
- ที่มาของข้อมูล จากหนังสือเรียนสังคมศึกษา รายวิชา ส ๓๐๕ โลกของเรา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ของบริษัทอักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด หน้า ๓๗ ถึง ๓๘
- ที่มาของภาพจาก https://pxhere.com/th/photo/770571
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
พฤหัสบดีที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น