วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564

ของขวัญที่มีชื่อว่า " ๔ให้ "

สวัสดีค่ะ 




บทความดีๆจากไลน์ที่ส่งให้กันช่วงปีใหม่ มีบทความอยู่ ๑ ฉบับที่น่าสนใจ ซึ่งก็คือ ปีใหม่นี้ควรมอบของขวัญให้ครอบครัวตนเองด้วยของขวัญที่มีชื่อว่า " ๔ให้ "



๑.ให้เวลา 

เนื่องจากฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องมาจากการมีเวลาให้แก่กัน ในแต่ละครอบครัวควรมีเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อส่งเสริมความแน่นแฟ้นให้มากขึ้น เมื่อความสัมพันธ์ในครอบครัวแข็งแรงแล้ว จะช่วยให้ทุกคนฝ่าปัญหาในชีวิตได้สำเร็จ




๒. ให้คำชื่นชม 

คำชื่นชมจากคนในครอบครัว จะทำให้สมาชิกครอบครัวรู้สึกว่า มีฉันในบ้านนี้ ฉันมีคุณค่า ทำให้สมาชิกในครอบครัวเกิดความสุขใจ อบอุ่นใจ มีความมั่นคงทางจิตใจ




. ให้อภัย 

เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เพราะถ้าทำได้ก็จะเป็นผลบวกทั้ง ๒ ฝ่าย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะเป็นผลลบทั้ง ๒ ฝ่าย อย่างกรณีที่ฝ่ายหนึ่งทำผิด แต่เมื่อสำนึกแล้ว อีกฝ่ายไม่ให้อภัย ก็ยังอยู่ในความทุกข์ทั้ง ๒ ฝ่าย ฝ่ายที่ทำผิดก็รู้สึกไม่ดี ไม่มีกำลังใจที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ดีขึ้น ส่วนฝ่ายที่ไม่ให้อภัย ก็มีความทุกข์ เพราะมีความโกรธอยู่ในใจ ทำให้มีอารมณ์ลบ ความขุ่นมัว มีความเครียด มันก็ไม่ได้ถูกเอาออกจากตัวเรา อารมณ์มันก็ขุ่นมัวอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นเราทุกคนควรฝึกการโกรธให้ยากขึ้น ให้อภัยให้ง่ายขึ้น ทุกคนจะมีความสุขง่ายขึ้น มีความทุกข์ยากขึ้น




. ให้กำลังใจ 

ทุกชีวิตต้องเผชิญอุปสรรค แต่ถ้ามีคนเข้าใจและให้กำลังใจก็จะมีแรงต่อสู้ปัญหานั้นๆ ได้ คำพูดสั้นๆ เช่น “ไม่เป็นไร เอาใหม่ ลองอีกที ฉันเชื่อมั่นว่าเธอทำได้” ซึ่งคำพูดเหล่านี้ สามารถทำให้คนที่หมดกำลังใจลุกขึ้นมาเดินหน้าต่อได้


************************************************************

เครดิตบทความโดย นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย

********************************


ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

วันอังคารที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔





 




วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564

คนเราจะมีชีวิตต่อไปได้ ก็ต้องมีกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

สวัสดีค่ะ 

เมื่อหลายวันก่อน เพื่อนของฉันได้ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ เป็นการไลฟ์เพื่อกล่าวให้กำลังใจ เนื่องจากฉันได้ขอให้เพื่อนที่ทำเฟซบุ๊กแฟนเพจช่วยทำคลิปให้กำลังใจผู้อื่น เพื่อนของฉันคนนี้ชื่อชมพู่ เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ ‘เคาน์เตอร์แบรด์แท้ถูกดี by Jira Cosmetic’




โดยคุณชมพู่มาไลฟ์กล่าวให้กำลังใจในช่วงโควิด-๑๙ กลับมาแพร่ระบาดอีกรอบ ซึ่งเมื่อฉันได้ฟังถึงเรื่องโควิด-๑๙ ที่ระบาดมากขึ้นในขณะนี้ ฉันก็ขอกล่าวกับทุกท่าน ณ ที่นี้ว่า เรื่องของโควิด-๑๙ คือเรื่องที่ทุกคนบนโลกต้องให้ความร่วมมือ จะโยนให้ใครคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งรับผิดชอบไม่ได้ ถ้าเราปฏิบัติตามที่ทางการขอความร่วมมือแล้ว เราจะปลอดภัยจากโควิด-๑๙ ได้ ดังนั้นขอเชิญให้ทุกท่านสวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกอยู่เสมอ ไม่ควรดึงลงมาที่คาง หรือสวมบ้างไม่สวมบ้าง เพราะเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้ตลอด และต้องล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ เพราะเชื้อโรคมักจะอยู่บนพื้นผิวสัมผัสเป็นเวลานานกว่าที่เขาจะตายไปเอง แล้วถ้าเราไม่ได้ล้างมือ เชื้อโรคที่ติดอยู่ในมือของเรา ก็จะเข้าสู่ร่างกายของเราได้ง่ายขึ้น รวมถึงการรักษาระยะห่างที่ยังคงต้องปฏิบัติ เพราะเชื้อโรคจะกระจายกันได้ง่ายขึ้นหากอยู่ใกล้กัน



ในช่วงนี้ ฉันไม่สบายใจเรื่องการทำงานสักเท่าใดนัก ฉันจึงต้องการกำลังใจจากเพื่อนคนนี้เป็นกรณีพิเศษ เพราะฉันคิดว่าเพื่อนเพียง ๑ คนที่พูดให้กำลังใจด้วยคำพูดเชิงบวกทุกคำ ย่อมดีกว่าเพื่อนหลายๆคนที่พูดอะไรก็ไม่ทราบ คือฉันหมายถึง ถ้ายิ่งฟังเขาพูด แล้วเรายิ่งเครียด ก็ไม่ต้องไปพูดคุยเรื่องที่เราไม่สบายใจกับคนๆนั้น เนื่องจากเพื่อนเหล่านั้นจะอบรมสั่งสอนเรากลับมามากกว่าให้กำลังใจเรา ซึ่งถ้าร้ายกว่านั้น เขาคงจะต่อว่าเราจนเรายิ่งเครียดกว่าเดิม ความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนก็จะมีปัญหาไปเสียเปล่าๆ



ทว่ากับคุณชมพู่ เพื่อนของฉันที่ทำคลิปลงในยูทูปและเฟซบุ๊กซึ่งฉันขอกำลังใจจากเขานั้น เขาเป็นคนที่ยิ้มง่าย อารมณ์ดี รักสวยรักงาม และเพราะการที่เขาต้องพบปะผู้คนในโลกออนไลน์เป็นประจำ เขาจึงสามารถใช้คำพูดที่ค่อนข้างเหมาะสมกับผู้ฟังที่ต้องการกำลังใจ เมื่อผู้ฟังได้ฟังแล้ว ก็รู้สึก “สบายใจขึ้น” ได้ไม่ยาก โดยคุณชมพู่จะไม่ใช้คำพูดอวดโอ่ หรือกระแนะกระแหนอยู่ในที แต่เขาจะพูดให้เราโฟกัสกับสิ่งที่เป็นความสุขกับเราได้ ด้วยเสียงพูดที่หวานๆเรียบๆไม่ขึ้นเสียงสูง ไม่โวยวาย ยิ้มแย้มอยู่เสมอ ช่วยให้ผู้ฟังกำลังเครียด ผ่อนคลายความเครียดลงได้ ถ้าท่านลองฟังดู ก็จะเครียดน้อยลงได้



สำหรับฉันแล้ว เพียงแค่คำว่า “เราเป็นกำลังใจให้” หรือ “เราอยู่เคียงข้างเธอเสมอ” เพียงแค่นี้ก็สร้างพลังใจให้ผู้ฟังที่กำลังเครียดได้ดีพอสมควร หลีกเลี่ยงการอบรมสั่งสอนผู้ที่มาปรึกษา ตลอดจนการตอกย้ำซ้ำเตือน ราวกับว่าผู้ที่กำลังเครียดนั้น หาเรื่องเครียดเอง ปล่อยวางไม่ได้เอง เพราะถ้าเขาสบายใจอยู่ เขามีความสุขมาก เขาคงไม่มาปรึกษาเรื่องที่เขาไม่สบายใจกับท่าน ฉันเชื่อว่าคนที่เขาเลือกที่จะปรึกษาเรื่องชีวิตของเขา ทั้งเรื่องความสุขและความทุกข์ นั่นหมายถึงเขาไว้วางใจท่าน ดังนั้นท่านกรุณาถนอมความสัมพันธ์ที่ดีของท่านกับผู้ที่มาปรึกษากับท่านเถิด




หากท่านได้พบกับผู้ที่มีความไม่สบายใจ ทุกข์ใจ อยากระบายใดๆกับใครสักคน แล้วเขาเลือกที่จะมา “ขอกำลังใจ” กับท่านแล้ว ฉันขอความกรุณาจากท่าน ช่วยรับฟังเขาหน่อย และช่วยตอบไปว่า “ผ่อนคลายนะ ฟังเพลงเพราะๆนะ กินอร่อยๆนะ เราเป็นกำลังใจให้” ฉันเชื่อว่าถ้าเราให้กำลังใจกับผู้ที่เคร่งเครียดด้วยถ้อยคำเชิงบวกแล้ว โลกใบนี้คงจะมีคนเป็นโรคซึมเศร้าน้อยลง

คนเราจะมีชีวิตต่อไปได้ ก็ต้องมีกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด 

 

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย

วันจันทร์ที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔