วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561
อาหารที่แสนอร่อย -- หมี่หวาน
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้ปุ๋ยนำอาหารอร่อยๆมาเสริฟค่ะ อาหารชามนี้คือ ‘หมี่หวาน’ ซึ่งภาษาจีนแต้จิ๋วออกเสียงว่า ‘ตีหมี่’ (甜面) โดยผู้ที่ปรุงรสหมี่หวานชามนี้ก็คือคุณแม่ของปุ๋ยเองค่ะ
เส้นหมี่ที่ใช้ในการปรุงหมี่หวานคือหมี่เหลือง อันเป็นเส้นหมี่ที่นิยมนำไปปรุงยากิโซบะ เพียงแต่หมี่หวานนั้นมีน้ำซุปรสหวานชุ่มคอเป็นหัวใจสำคัญค่ะ
วิธีการปรุงหมี่หวานก็ไม่ยุ่งยากนะคะ ขั้นตอนมีดังต่อไปนี้ค่ะ
๑.นำเส้นหมี่เหลืองไปลวกให้สุก
๒.นำเส้นหมี่ที่ลวกสุกขึ้นมา แล้วใส่ลงในพาชนะที่มีร่อง เช่น ตะกร้า
๓.ราดเส้นหมี่ด้วยน้ำเย็น และปล่อยให้แห้ง
๔.ปรุงน้ำซุปด้วยการต้มน้ำให้เดือด
๕.ใส่น้ำตาลลงไปในน้ำซุป ซึ่งรสชาติหวานในระดับใด ท่านผู้อ่านสามารถปรุงได้ตามความชอบค่ะ
๖.หากท่านผู้อ่านจะใส่แปะก้วย ท่านสามารถนำแปะก้วยใส่ลงไปในน้ำซุปได้เลย หรือจะใส่ภายหลังก็ได้ค่ะ
๗.ตักเส้นหมี่ใส่ชามแล้วจึงตักน้ำซุปพร้อมเสริฟค่ะ
วิธีการปรุงหมี่หวานมีเพียงแค่เท่านี้เองค่ะ แต่ถ้าหากท่านผู้อ่านไม่ต้องการใส่แปะก้วย ท่านสามารถใส่ไข่หวาน หรือถั่วเขียวต้มได้ตามความชอบค่ะ
----------------------------------------------------------
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑
วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561
๑๔ ตุลา วันมหาวิปโยค
เครดิตภาพจาก วิกิพีเดีย เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
-------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ
ท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้เมื่อ ๔๕
ปีที่แล้ว คือวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
ทรงเรียกขานว่า “วันมหาวิปโยค”
เนื่องด้วยเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงอันมาจากการชุมนุมทางการเมือง
ซึ่งผู้คนทั่วไปรู้จักกันว่า “เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา”
เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา
เป็นเหตุการณ์ที่มีนิสิต นักศึกษาและประชาชนมากกว่า ๕ แสนคนชุมนุมเพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร นำไปสู่คำสั่งของรัฐบาลให้ใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม
ระหว่างวันที่ ๑๔ ถึง ๑๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ จนมีผู้เสียชีวิตกว่า ๗๗ ราย บาดเจ็บ ๘๕๗ ราย และสูญหายอีกจำนวนมาก
เครดิตภาพจาก เฟซบุ๊กแฟนเพจ รักสยาม หนังสือเก่า
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เกิดขึ้นด้วยสาเหตุที่สะสมก่อนหน้านี้หลายประการ
ประกอบด้วยข่าวการทุจริตในรัฐบาล การพบซากสัตว์ป่าจากอุทยานในเฮลิคอปเตอร์ทหาร
การถ่ายโอนอำนาจของจอมพลถนอม กิตติขจรต่อจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลทหารเข้าปกครองประเทศนานเกือบ
๑๕ ปี และรวมถึงการรัฐประหารตัวเองของจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศิกายน
พุทธศักราช ๒๕๑๔ ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการปกครองในระบอบเผด็จการทหารและต้องการเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยขึ้น
ในช่วงกลางปี ๒๕๑๖
นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ตีพิมพ์หนังสือ “บันทึกลับจากทุ่งใหญ่” ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำให้ประชาชนเกิดความสนใจในการเมืองมากขึ้น
สู่เมื่อต้นเดือนตุลาคมปี ๒๕๑๖ นิสิตนักศึกษาได้เดินแจกใบปลิวเรียกร้องรัฐธรรมนูญตามสถานที่ต่างๆทั่วกรุงเทพฯ
จนถูกทหารควบคุมตัว ภายหลังเป็นที่รู้จักกันในฐานะ “๑๓ ขบถรัฐธรรมนูญ” ทำให้มวลนักศึกษาและประชาชนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
นำมาสู่การประท้วงในที่สุด โดยเริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จนเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ ขบวนนิสิตนักศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมากได้เคลื่อนขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปยังถนนราชดำเนิน
ทำให้รัฐบาลได้ทำการสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก จนเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระราชดำรัสทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
ในเวลาต่อมาจอมพลถนอม กิตติขจรก็ได้ประกาศลาออกและได้เดินทางออกต่างประเทศรวมถึงพันเอกณรงค์
กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาจึงยุติลง
เครดิตภาพจาก เฟซบุ๊กแฟนเพจ รักสยาม หนังสือเก่า
ในช่วงเช้ามืดของวันที่
๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ พันตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร ได้อัญเชิญสำเนาพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
อ่านต่อผู้ชุมนุมความว่า
“คนที่เป็นผู้ใหญ่(คนเก่า)นั้นเขามีประสบการณ์
ส่วนคนหนุ่มสาวมีพลังแรงทั้งร่างกายและทั้งความคิด ถ้าหากมาปรองดองสมัครสมานกัน
ทำงานอย่างพร้อมเพรียง ไม่ผิดใจแคลงใจกัน การบ้านเมืองก็จะดำเนินไปได้ด้วยดี
นิสิตนักศึกษาก็เป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบเลือกเฟ้นมาเป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีทั้งสติและปัญญาพร้อมมูล
จึงควรจะได้รู้ถึงความผิดชอบชั่วดีทุกอย่าง การพิจารณาปัญหาใดๆ
จำเป็นต้องทราบว่าปัญหานั้นอยู่ตรงไหน หรืออะไรเป็นปัญหา
ต่อไปก็แยกออกเป็นประเด็นให้กระจ่างและถูกต้องโดยลำดับ จึงจะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงตามจุดหมายอย่างสมบูรณ์
เมื่อนิสิตนักศึกษาได้ดำเนินการมาตรงเป้าหมาย และได้รับผลตามสมควรแล้ว
ก็ขอให้กลับคืนสู่สภาพปกติ เพื่อยังความสงบเรียบร้อยให้เกิดแก่ประชาชนทั่วไป”
ทว่าเหตุการณ์กลับมิได้ยุติลงด้วยความสงบ
เมื่อเกิดการสลายการชุมนุมด้วยอาวุธร้ายแรง ในค่ำคืนแห่งวันมหาวิปโยคนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนชาวไทยทางโทรทัศน์
ความว่า
“วันนี้เป็นวันมหาวิปโยคที่น่าเศร้าสลดอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ตลอดระยะเวลา ๖-๗ วันที่ผ่านมาได้มีการเรียกร้องและเจรจากัน
จนกระทั่งนักศึกษาและรัฐบาลทำข้อตกลงได้ แต่แล้วการขว้างระเบิดขวดและแก๊สน้ำตา
ทำให้เกิดการปะทะกัน และมีคนได้รับบาดเจ็บหลายคน
ความรุนแรงได้ทวีขึ้นทั่วพระนครถึงขั้นจลาจลและยังไม่สิ้นสุด
มีคนไทยด้วยกันต้องเสียชีวิตนับร้อย
ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรงด้วยการตั้งสติยับยั้งเพื่อชาติบ้านเมืองคืนอยู่ในสภาพปกติ
อนึ่ง
เพื่อขจัดเหตุร้ายนั้น จอมพลถนอม กิตติขจร
ได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อค่ำวันนี้ ข้าพเจ้าจึงได้แต่งตั้งให้นายสัญญา
ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันสนับสนุน
เพื่อให้คณะรัฐบาลใหม่สามารถบริหารแผ่นดินได้โดยมีประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม
และแก้ไขสถานการณ์ให้คืนอยู่ในสภาพเรียบร้อยโดยเร็ว ยังคงความสงบสุข
ความเจริญรุ่งเรืองให้บังเกิดกับประเทศชาติและประชาชนชาวไทยโดยทั่วกัน”
จากเหตุการณ์นี้ได้มีการก่อสร้างอนุสรณ์สถาน
๑๔ ตุลาขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวบริเวณ สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง
พร้อมทั้งก่อตั้งมูลนิธิ ๑๔ ตุลาขึ้นด้วย ต่อมาได้มีการกำหนดให้วันที่ ๑๔ ตุลาคมของทุกปีเป็น
“วันประชาธิปไตย”
เพื่อรำลึกถึงพลังบริสุทธิ์ของคนหนุ่มสาวที่เสียสละชีวิตเพื่อประชาธิปไตย
เครดิตภาพจาก เฟซบุ๊กแฟนเพจ รักสยาม หนังสือเก่า
ด้วยเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง
ซึ่งส่งผลให้ประชาชนในชาติมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน และก่อให้เกิดการวิวาทในที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา หรือ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ก็ล้วนสร้างความทุกข์โทมนัสแด่องค์ราชันแห่งแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนของพระองค์มีความสมัครสมานสามัคคีกัน
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
แม้ว่าเหตุการณ์
๑๔ ตุลา จะผ่านมานานถึง ๔๕ ปีแล้ว แต่ภาพแห่งความทรงจำของบุคคลที่ได้ร่วมในเหตุการณ์นี้ก็ยากนักที่จะลืมเลือน
อุดมการณ์แห่งประชาธิปไตยยังคงมีอยู่ ด้วยหวังว่าประเทศไทยจะมีประชาธิปไตยเต็มขั้น
เครดิตภาพจากthaipbs-vod.cdn.byteark.com/images/video-frames/1/Dv/wF/1DvwFjPslaEV-default.jpg
และในวันนี้เมื่อ
๒ ปีก่อนคือวันที่เคลื่อนพระบรมศพจอมบัลลังก์รัชกาลที่ ๙ จากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง
ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ร่วมเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ที่เข้าพึ่งพิงพระบารมีของจอมราชาแห่งสยามในวันนั้น
รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะพวกเขาปลอดภัยได้ด้วยน้ำพระทัยอันแสนยิ่งใหญ่ของพระองค์
จึงนับได้ว่าวันที่ ๑๔ ตุลาคมของทุกปีคือ “วันมหาวิปโยค” โดยแท้จริง
------------------------------------------------
ข้าพระพุทธเจ้าน้อมสำนึกในพระมหากรุณาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอันหาที่สุดมิได้
------------------------------------------------
ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)