วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

ร่วมกันให้กำลังใจบุคคลใน ๓ จังหวัดชายแดนภายใต้กันค่ะ

    

     สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
     เมื่อวานช่วงเย็นที่ผ่านมานี้ ปุ๋ยได้มีโอกาสถ่ายทอดกำลังใจให้กับบุคคลที่อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับ OXFAM ซึ่งองค์กรนี้เป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร เจ้าหน้าที่ของ OXFAM ก็เพียงขอให้ปุ๋ยได้เขียนคำให้กำลังใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ขององค์กรจะนำสมุดที่เขียนข้อความไปให้ผู้หญิงที่สูญเสียสามีจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นได้อ่านกัน ในเมื่อจะเขียนให้กำลังใจต่อผู้อ่านแล้ว ปุ๋ยก็ขอเขียนข้อความที่ปุ๋ยเชื่อว่าน่าจะทำให้ผู้อ่านมีความหวังและสู้ต่อไปได้ โดยปุ๋ยได้เขียนประมาณว่า 
     "วันนี้คงจะเป็นวันที่ไม่ดีสำหรับคุณ แต่ขอให้คุณมีชีวิตต่อไป และมีกำลังใจต่อสู้ แล้ววันที่ดีจะเป็นวันของคุณอย่างแน่นอน ขอพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ ๙ คุ้มครองคุณค่ะ" 
     ปุ๋ยเชื่อว่าคนไทยเราทุกคนล้วนรักในหลวงรัชกาลที่ ๙ พี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็รักพระราชาผู้ทรงธรรมของพวกเขาเช่นเดียวกัน พระองค์ท่านจะทรงปกปักคุ้มครองเราชาวไทยตลอดไป ขอแค่เราอย่าเพิ่งยอมแพ้ต่อโชคชะตา แล้วชีวิตของเราก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีความสุขขึ้นได้ เหมือนดั่งที่พระองค์ท่านไม่ทรงยอมแพ้ต่อการทรงงานอันเหนื่อยยากค่ะ 
     สำหรับองค์กร OXFAM นี้ ก็มี เฟซบุ๊กแฟนเพจ ของเขาเองด้วยนะคะ ซึ่งนั่นก็คือ Oxfam in Thailand ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปดูรูปภาพ ตลอดจนเนื้อหาต่างๆขององค์กรนี้ได้ ซึ่งเมื่ออ่านแล้วก็อาจจะเปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตของท่านผู้อ่านเองก็ได้นะคะ เพราะว่าเราอาจะคิดว่าในเวลานี้เรามีความทุกข์มาก ทำงานอะไรออกมาก็ไม่มีความสุขเลย เหนื่อยเหลือเกิน แต่ปุ๋ยเชื่อว่าท่านยังโชคดีกว่าคนจำนวนไม่น้อยในสังคมที่เหนื่อยกว่าท่าน ไม่มีความสุขมากกว่า เขาต้องต่อสู้เพื่อให้ชีวิตของเขาเองอยู่รอดบนโลกใบนี้ต่อไป ดังนั้นขอให้ท่านคิดว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตที่ท่านได้เจอมานั้น ยังน้อยกว่ากลุ่มคนเหล่านั้นก็ได้ นำเอาเวลาที่เคร่งเครียดกับชะตาชีวิตของท่านเอง ไปเพิ่มเติมรอยยิ้มและความรู้จะเป็นการดีกว่านะคะ เนื่องจากทำให้ความเครียดลดน้อยลงแล้ว ยังทำให้จิตใจของเราเข้มแข็งขึ้น และเผื่อว่าอนาคตจะได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลที่ขาดแคลนกว่าเรา ให้เติมเต็มและสมบูรณ์ขึ้นมาได้ค่ะ 

     ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย 
     พุธที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐ 

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

ผ่อนคลายกับ《ปลาย นักสืบจำเป็น》ตอนที่ ๓

    สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
   มาพบกันกับเรื่อง ปลาย นักสืบจำเป็น อีกครั้งแล้วค่ะ วันนี้นำเสนอเป็นตอนที่ ๓ ซึ่งนำตอนที่ ๒ ของนิยายมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน โดยในตอนนี้มีชื่อว่า "นักฟุตบอลเปื้อนเลือด" และตอนนี้ไม่มีนางเอกของเรา มีเพียงแต่พระเอกที่มาไขคดีนี้เท่านั้นค่ะ
   เหตุที่ไม่มีนางเอกก็เพราะว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงการแข่งขันฟุตบอลของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างคณะวิทยาศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยงานนี้หนุ่มผมตั้ง ปลายฟ้า ก็ลงแข่งขันด้วย แถมเขายังเป็นถึงกัปตันทีมของคณะวิทยาศาสตร์อีกต่างหาก พ่อหนุ่มผมตั้งผู้นี้มีฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว... 
   การแข่งขันครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่แท้ที่จริงแล้ว มีความผิดปกติที่ปลายสัมผัสได้ เพราะนักแข่งบางคนในทีมเล่นกันเหมือนไม่อยากจะชนะ ซึ่งผิดฟอร์มจากการแข่งครั้งก่อนๆโดยสิ้นเชิง หมดเวลาครึ่งแรกก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ คะแนนเท่ากันอยู่ที่ ศูนย์ประตูต่อศูนย์
   เมื่อมาถึงห้องพักในช่วงพักครึ่ง นักแข่งในทีมคณะวิทยาศาสตร์ หมายเลข ๑๑ ผู้มีนามว่า อ๊อฟ เกิดทะเลาะกันกับนักแข่งในทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์ หมายเลข ๖ ผู้มีนามว่า อาร์ท ทำให้เกือบจะมีการชกต่อยกัน แต่ทว่าโชคยังดีที่มีเพื่อนของทั้ง ๒ ทีมคอยห้ามไว้ 
   แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อนักแข่งผู้หนึ่งของทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้เสียชีวิตลง...
   อ้าว!!แล้วทำไมเสียชีวิตได้ล่ะ คงไม่ใช่มีใครไปฆ่าเขาหรอกนะ 
   ถั่วต้มแล้วค้าบบบบ...เอ้ย ไม่ใช่ๆๆ!! ถูกต้องแล้วครับ มีการฆาตกรรมเกิดขึ้น และเรื่องมันก็มีอยู่ว่า... ว่า...ว่า...
   ในช่วงพักครึ่งนี้ มีนักแข่งของทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์ต้องการให้นักแข่งผู้หนึ่งของทีมคณะวิทยาศาสตร์ ทำเรื่องๆหนึ่ง ที่ไม่สมควรทำในการแข่งขัน โดยพวกเขาไปเจรจาลับกันที่ด้านในของใต้อัฒจันทน์ในสนามฟุตบอล ซึ่งนักแข่งของทีมคณะวิทยาศาสตร์ผู้นี้ไม่ยอมทำความต้องการของนักแข่งทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์ และจะนำเรื่องไปแจ้งกรรมการ อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้นักแข่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์โมโห จึงทำร้ายคนผู้นั้น แต่ว่าชายผู้นั้นเมื่อถูกทำร้ายจนต้องถอยร่นไปจนด้านหลังติดกับข้างของที่วางกองอยู่ ก็เกิดคว้าเหล็กปลายแหลมขึ้นมาได้ จึงยื่นเข้าเสียบไปที่อกของอีกฝ่ายในทันที เป็นเหตุให้นักแข่งของทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์ผู้นั้นลาจากโลกใบนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ...
   เมื่อถึงเวลาต้องลงแข่งขันในครึ่งหลัง ทั้ง ๒ ทีมก็ตามหานักแข่งของทีมตนเองกันให้วุ่นวาย จนกระทั่งมาพบว่า นักแข่งหมายเลข ๖ ของทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่ชื่อว่า อาร์ท ได้เสียชีวิต ตรงด้านในของใต้อัฒจันทน์ในสนามฟุตบอล ซึ่งแน่นอนว่าการแข่งขันก็ต้องยุติลง และดำเนินการสืบสาวราวเรื่องที่มีการฆาตกรรมนี้ให้เรียบร้อย 
   และตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ ก็มิใช่ใครอื่น เพราะเขาคือ...สารวัตรสรวุทธ เจ้าเก่านั่นเอง และแน่นอนว่าเมื่อมีคดีเกิดขึ้น ปลาย นักสืบจำเป็น ของพวกเราก็ต้องเข้ามาสืบด้วย และสารวัตรสรวุทธก็ไม่ยอมให้ปลายเข้ามาสืบอีกคราเหมือนในคดีคอมพิวเตอร์มรณะ แต่มีหรือที่ปลายจะยอมแพ้ ในเมื่ออำนาจมืดได้อยู่ในมือของปลายอยู่แล้ว ต้องนำออกมาใช้สิ ถึงจะเกิดประโยชน์ ซึ่งสารวัตรสรวุทธก็ต้องทำตามที่เบื้องบนสั่งลงมา ให้ปลายช่วยสืบคดีนี้ โดยที่สารวัตรหนุ่มผู้นี้ก็สงสัยอยู่ไม่น้อยว่าปลายคือใคร เหตุใดจึงมีอิทธิพลได้มากมายเพียงนี้ 
   แต่เรื่องที่ปลายเป็นใครนั้น คงต้องพักไว้ก่อน แล้วมาจัดการวิเคราะห์คดีนี้ให้จบสิ้นกันเสียก่อน โดยในที่เกิดเหตุได้พบไดอิ้งเมสเซจจากอาร์ทอีกด้วย ซึ่งข้อความที่ทิ้งไว้ก่อนอาร์ทจะสิ้นใจนั้น เป็นลักษณะของคราบเลือดที่พื้นอยู่ที่ตำแหน่งเหนือมือขวาของรอยชอล์กที่ขีดแทนร่างของอาร์ท เป็นรอยขีดตรงๆ ๒ ขีด ซึ่งเมื่อเห็นดังนี้แล้ว สารวัตรสรวุทธก็สรุปเลยว่า คนที่น่าสงสัยว่าเป็นฆาตกรนั้น คือ อ๊อฟ นักแข่งของทีมคณะวิทยาศาสตร์ หมายเลข ๑๑ เพราะก่อนที่อาร์ทจะตายนั้น ได้ทะเลาะกับอ๊อฟในช่วงพักครึ่ง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเหตุแห่งการฆาตกรรมในครั้งนี้ สารวัตรสรวุทธจึงสอบปากคำนักแข่งของทั้ง ๒ ทีม สารวัตรผู้นี้ก็กล่าวสรุปคดีตามที่ได้เห็นและประเมินออกมา แล้วเขายังสรุปในทันทีเลยว่าอ๊อฟคือฆาตกร และแน่นอนว่าอ๊อฟก็ต้องปฏิเสธ จะไม่ให้ปฏิเสธได้อย่างไรกัน ก็อ๊อฟไม่ใช่ฆาตกร 
   อ้าว!! แล้วฆาตกรเป็นใครกัน รีบๆเฉลยเถอะครับ!!!
   จ้ะๆๆ เฉลยแล้วจ้ะ ฆาตกรที่แท้จริงก็คือ เจมส์ นักแข่งหมายเลข ๑ ผู้รักษาประตูของทีมคณะวิทยาศาสตร์จ้ะ เพราะจากการสรุปผลการทดลองของปลายนั้น สาเหตุของการฆาตกรรมที่แท้จริงคือ...คือ...คือ...  
   การล้มบอล!!!
   โดยอาร์ทมาคุยกับเจมส์ เรื่องขอให้มีการล้มบอล แต่เจมส์ไม่ยอมที่จะล้มบอล จึงทำให้ทะเลาะกัน เจมส์จึงเกิดพลั้งมือใช้เหล็กปลายแหลมแทงอาร์ทไป ซึ่งก่อนที่อาร์ทจะตายนั้น ก็ได้ขีดรอยเลือดไว้ ๑ ขีด ซึ่งขีดนั้นสามารถบ่งบอกได้ว่าเจมส์คือฆาตกร เพื่อหนีความผิดที่ตนไม่ได้ตั้งใจก่อขึ้น เจมส์จึงเพิ่มอีกรอยขีดหนึ่งในภายหลัง เมื่อทราบจาก เค นักแข่งของทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์ และ ชิด นักแข่งของทีมคณะวิทยาศาสตร์ ว่าอาร์ททะเลาะกับอ๊อฟ ดังนั้นเจมส์จึงเจรจากับชิดและเคว่าเจมส์ไม่ทราบเรื่องล้มบอล ซึ่งชิดและเคที่ทราบเรื่องการล้มบอลเป็นอย่างดี ก็ให้ความร่วมมือที่จะไม่บอกกับใครว่าเจมส์เป็นผู้ที่สังหารอาร์ท 
   แต่ที่หนุ่มผมตั้งคิดขึ้นมาได้ว่าเจมส์คือฆาตกรนั้น ก็เพราะเหล็กปลายแหลมที่แทงอาร์ทจนเสียชีวิตนั้น ไม่มีรอยนิ้วมือของฆาตกร ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยไม่มีการวางแผนไว้ก่อน จึงไม่มีการเช็ดรอยนิ้วมือของฆาตกรออกจากเหล็กปลายแหลมอันนั้น จึงเป็นไปได้ว่าผู้ที่เป็นฆาตกรจะต้องสวมถุงมืออยู่ตลอดเวลา และในการแข่งขันฟุตบอลนั้น ผู้ที่จะสวมมืออยู่ตลอดก็คือผู้รักษาประตู ซึ่งมีแต่เจมส์ ผู้รักษาประตูของคณะวิทยาศาสตร์ที่ออกไปจากห้องพักในช่วงพักครึ่ง ในขณะที่ผู้รักษาประตูของทีมคณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่ในห้องพักตลอด ดังนั้นก็ไม่ต้องคิดให้วุ่นวายซับซ้อน แต่ก็อย่าคิดอะไรที่ง่ายเกินไปเพียงแค่ตาเห็นนะจ๊ะ 
   และเรื่องราวคดีนักฟุตบอลเปื้อนเลือด ก็สิ้นสุดลงด้วยประการฉะนี้ โดยที่หนุ่มผมตั้งก็ขอร้องกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเหลือเจมส์ เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อาร์ทถึงแก่ความตาย แต่ที่ทำเพื่อป้องกันตัว ด้วยอาร์ททำร้ายเจมส์ก่อน มิเช่นนั้นคนที่บาดเจ็บคงไม่พ้นเจมส์เป็นแน่ 

***************************************************
  วันนี้ปุ๋ยเล่าคดีนักฟุตบอลเปื้อนเลือดที่เขียนอยู่ในนิยายเรื่อง ปลาย นักสืบจำเป็น อันเป็นบทประพันธ์ของคุณเด็กตกปลา แทบจะละเอียดกันเลยนะคะ คดีนี้มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย สไตล์การเล่าเรื่องชวนให้อยากอ่านให้จบ แต่ถ้าอยากทราบว่าคุณเด็กตกปลาบรรยายเรื่องราวเช่นไร ก็ต้องติดตามกันค่ะ ใบ้ให้ว่าอยู่ในเว็บเด็กดีค่ะ ...แล้ววันหลังปุ๋ยจะมาเล่าคดีอื่นๆต่อสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ ... วันนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ค่ะ สวัสดีค่ะ...
  
  ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย   
  ศุกร์ที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐  


วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

มาอ่านหนังสือกันเถอะจ้ะ



เครดิตภาพจาก http://deemagz.com/2015/01/08/why-iceland-is-the-best-country/

     สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน
     วันนี้ปุ๋ยได้รับทราบข้อมูลอันมีประโยชน์จากเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ที่มีชื่อว่า รักสยาม หนังสือเก่า ซึ่งเขาได้ระบุไว้ว่า ประเทศไอซ์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่รักการอ่าน ทั้งนี้ยอดเขียน การตีพิมพ์และการขายหนังสือต่อประชากรนั้นสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ประชากรของประเทศไอซ์แลนด์ ยังอ่านหนังสือเฉลี่ย ๔ เล่มต่อปี และที่น่าสนใจคือ ๑ ใน ๑๐ ของประชากรจะตีพิมพ์หนังสือเอง อย่างน้อย ๑ เล่มต่อปี 
     เมื่อได้รับทราบเช่นนี้แล้ว ปุ๋ยว่าเราคนไทยควรจะต้องกลับมาอ่านหนังสือกันให้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเท่าที่ปุ๋ยได้เห็นมาขณะที่อยู่บนรถไฟฟ้านั้น ประชาชนแทบส่วนใหญ่จะก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตนเอง ซึ่งปุ๋ยก็ยอมรับค่ะว่า ปุ๋ยก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตัวปุ๋ยเองเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะก้มหน้าดูแต่อะไรที่ไม่มีเข้าทีนะคะ เพราะปุ๋ยนั้นกำลังหาข่าวหรือข้อมูลต่างๆในการนำมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านในบล็อกแห่งนี้ได้รับทราบถึงเรื่องราวอันน่าสนใจของโลกใบนี้ค่ะ (อย่าเพิ่งเบะปากมองบนกันนะคะ ปุ๋ยกล่าวเรื่องจริงค่ะ)
    เพราะปุ๋ยเชื่อว่าการอ่านหนังสือ คือการทำให้คนเราพัฒนาศักยภาพตนเองไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และหนังสือนั้นก็ยังเป็นเพื่อนแท้ในเวลาที่เรากำลังเหงาได้อีกด้วยค่ะ 
    ถึงเวลาที่เราต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้นกว่าเดิม จากที่อ่านเพียงแค่ ๗ บรรทัดต่อปี ให้เป็น ๑ เล่มต่อปีเถอะนะคะ เริ่มจากหนังสือที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนิยาย การ์ตูน หรือนิตยสาร เนื่องจากหนังสือเหล่านี้มักจะมีข้อความที่ดี ซึ่งข้อความนั้นสามารถเตือนใจผู้อ่านได้อีกด้วยค่ะ  บางคนอาจจะชอบอ่านหนังสือ แต่มักจะขี้เกียจจึงมีหนังสือเต็มบ้าน หากแต่อ่านไม่จบเล่ม ดังนั้นวันนี้กลับบ้านไป หากท่านผู้อ่านมีเวลาว่าง น่าจะวางโทรศัพท์มือถือของตนเองลง และหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านนะคะ 

    ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
    ศุกร์ที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐ 


วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

รูปที่มีทุกบ้าน ฉบับที่ ๒



















พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถ่ายภาพจากหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ บพิตรพิมุขจักรวรรดิ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐ 
โดยคุณฮีโร่ ไม้วิเศษ







พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในปฏิทิน กระปุกออมสิน ตลอดจนหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะและหนังสือการ์ตูนมหาสนุก จากภายในห้องทำงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ บพิตรพิมุขจักรวรรดิ 
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐ 
โดยคุณฮีโร่ ไม้วิเศษ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 
วันนี้ปุ๋ยขอนำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นรูปที่มีทุกบ้านของปวงชนชาวไทย ภาพทั้งหมดที่ปุ๋ยได้นำเสนอในวันนี้ เป็นภาพที่คุณฮีโร่ ไม้วิเศษ ได้ส่งมา ต้องขอขอบพระคุณทางคุณฮีโร่ ไม้วิเศษ ที่ส่งภาพของบุคคลที่เป็นที่รักที่สุดของเราชาวไทยทุกคนมาให้ปุ๋ยด้วยค่ะ 

 -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     ไม่เคยได้เห็นองค์ท่านแม้สักครา
หากประชานั้นหนาก็ประจักษ์
ว่าในหลวงทรงรักเรายิ่งนัก
มิทรงพักการทรงงานเพื่อปวงชน
แม้ตอนนี้ท่านประทับบนสวรรค์
ปวงหม่อมฉันยังระลึกถึงทุกหน
ภาพทุกภาพยังกระจ่างมิหมองมน
เราทุกคนขอเป็นข้าฯทุกชาติไป 


ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย 
พฤหัสบดีที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐ 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

รูปที่มีทุกบ้าน ฉบับที่ ๑


พระบรมฉายาลักษณ์ของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
ถ่ายจากอาคาร ITF ชั้น G เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๐ 

พระบรมฉายาลักษณ์ของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
ถ่ายจากด้านหน้าอาคารธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ 
เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ 

พระบรมฉายาลักษณ์ของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
ถ่ายจากด้านหน้าธนาคาร CIMB เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐


พระบรมฉายาลักษณ์ของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
ถ่ายจากรถประจำทางสาย 147 เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๐

พระบรมฉายาลักษณ์ของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
ถ่ายจากอาคารด้านในของธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ 
เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ 

พระบรมฉายาลักษณ์ของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
ถ่ายจากด้านหน้ามหาวิทยาลัยสยาม 
เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙

พระบรมฉายาลักษณ์ของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
ถ่ายจากโรงพยาบาลพญาไท เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ 

----------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน 
วันนี้ปุ๋ยมาโหมดเศร้ากันหน่อย เพราะพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทั้งหมดที่ปุ๋ยได้นำเสนอในวันนี้ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่ปุ๋ยได้ถ่ายเก็บไว้ หลังจากที่พระองค์สวรรคตแล้ว แต่พระบรมฉายาลักษณ์ในขณะที่พระองค์ท่านยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น ยังมีอีกมากค่ะ วันหลังจะมานำเสนอต่อไปนะคะ 

**************************************
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน จะรวยหรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ

/////////////////////////////////////////////////////////////////

ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย
ศุกร์ที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๐