วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

๑๓ ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี่คือประวัติศาสตร์แห่งความร่วมใจเรื่องใหม่ของโลก

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน


ภาพของน้องๆนักฟุตบอลทั้ง ๑๒ คนและโค้ชอีก ๑ คนของทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ซึ่งประสบเหตุติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เครดิตภาพจาก http://music.sanook.com/2399147/



            
              เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ เป็นวันเริ่มต้นของประวัติศาสตร์แห่งความสามัคคีและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย เนื่องด้วยน้องๆนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี่จำนวน ๑๓ คน ประสบเหตุติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ดังนั้นหน่วยซีล ทหารเรือ ทหารบก กู้ภัยและจิตอาสา ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือน้องๆทั้ง ๑๓ คนให้ออกจากถ้ำหลวงแห่งนี้โดยเร็ว ในการช่วยเหลือครั้งนี้ยังมีนักดำน้ำในถ้ำรวมไปถึงกู้ชีพจากต่างประเทศหลากหลายเชื้อชาติเข้าช่วยเหลือ
     น้ำที่ท่วมขังและลักษณะภูมิประเทศอันสลับซับซ้อนในถ้ำหลวงเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งสำหรับการช่วยเหลือน้องๆ แม้ว่าจะมีการพร่องน้ำอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมงแล้วก็ตาม จึงทำให้หน่วยซีล นักดำน้ำในถ้ำและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องใช้เวลาถึง ๑๐ วันด้วยกันกว่าจะพบน้องๆ โดยทีมที่พบน้องๆทั้ง ๑๓ คนเป็นทีมแรกนั้นก็คือ นักดำน้ำชาวอังกฤษ ๒ ท่าน ประกอบด้วย คุณริก สแตนตัน และ คุณจอห์น โวลันเธน เมื่อวันจันทร์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ เวลา ๒๑.๓๘ น.
     เนื่องจากบริเวณหาดพัทยาภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ที่มีการคาดการณ์ว่าเป็นสถานที่ซึ่งน้องๆทั้ง ๑๓ คนของทีมหมูป่าอะคาเดมี่จะไปพักอยู่นั้นน้ำท่วม ดังนั้นน้องๆทั้ง ๑๓ คนจึงต้องขึ้นไปพักอยู่ที่บริเวณ “เนินนมสาว” ซึ่งอยู่ห่างจากหาดพัทยาไป ๔๐๐ เมตร
ภาพชาวต่างชาติ ๒ ท่านที่ได้พบน้องๆทั้ง ๑๓ คนบนเนินนมสาวเป็นครั้งแรก
เครดิตภาพจาก 
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1315304


     น้องๆทั้ง ๑๓ คนในวินาทีแรกที่ได้พบกันกับนักดำน้ำชาวอังกฤษนั้น ยังคงมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน สามารถโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติทั้ง ๒ ท่านได้ นับเป็นข่าวดีและเป็นข่าวที่สร้างความสุขอย่างยิ่งให้กับผู้ที่ติดตามข่าวน้องๆทีมหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง ๑๓ คนนี้ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติซึ่งให้ความสนใจในกรณีนี้ทั่วทั้งโลก
     และแล้ววันที่ชาวไทยและชาวต่างชาติซึ่งติดตามข่าวรอคอยก็มาถึง เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ หน่วยซีลและเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ลำเลียงน้องๆทีมหมูป่าอะคาเดมี่ออกมาจากถ้ำจำนวน ๔ คน เนื่องด้วยแพทย์ที่เข้าไปตรวจสุขภาพได้ประเมินแล้วว่าน้องผู้นั้นสามารถออกจากถ้ำได้ นับว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด ยังผลให้ในวันจันทร์ที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ น้องๆอีก ๔ คนจากทีมหมูป่าอะคาเดมี่ที่ยังติดอยู่ในถ้ำหลวง สามารถออกจากถ้ำและเข้ารักษาร่างกายที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เช่นเดียวกับ ๔ คนแรกที่ออกมาก่อน ปฏิบัติการช่วยเหลือน้องๆทั้ง ๑๓ คนเป็นอันเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันอังคารที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ โดยเวลา ๑๘:๕๐ น. นักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี่อีก ๔ รายสุดท้าย รวมกับโค้ชอีก ๑ ราย สามารถออกจากถ้ำหลวงได้อย่างปลอดภัย และเข้ารักษาร่างกายที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นโรงพยาบาลอีก ๑ แห่งที่ได้รับบริจาคเงินจากการที่ “ตูน บอดี้สแลม” ได้วิ่งในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อหาเงินบริจาคให้โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้รับเงินบริจาคถึง ๑๑๐.๕ ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์ให้ทันสมัย และยังนำมาช่วยรักษาชีวิตทีมหมูป่าตลอดจนผู้ป่วยคนอื่นอีกด้วย

โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้รับเงินบริจาคกับโครงการ “ก้าวคนละก้าว

เครดิตภาพจาก https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1320765


     ภารกิจนำน้องๆทั้ง ๑๓ คนกลับบ้านนั้น เป็นภารกิจที่สะท้อนถึงความรัก ความสามัคคี และความห่วงใยของคนไทยที่มีต่อกัน จิตอาสาหลายท่านเดินทางมาช่วยงานยังถ้ำหลวงด้วยความปรารถนาที่จะได้เห็นน้องๆออกมาจากถ้ำหลวงอย่างปลอดภัย แม้ว่าจะไม่ได้รับเงินอันเป็นกำไรก็ตาม และเนื่องด้วยน้ำในถ้ำหลวงมีมาก จำเป็นต้องพร่องออกไป น้ำเหล่านั้นจึงผันลงไปยังพื้นที่การเกษตรของพี่น้องเกษตรกรชาวเชียงราย แม้ว่าจะทำให้พื้นที่การเกษตรของพวกเขาจะเสียหาย หากแต่พวกเขาก็ยินดี เพื่อให้น้องๆทั้ง ๑๓ คนสามารถออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างปลอดภัย และได้มีโอกาสเป็นนักฟุตบอลที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ปุ๋ยขอขอบคุณน้ำใจอันยิ่งใหญ่นี้ของพี่น้องเกษตรกรชาวเชียงรายทุกท่านด้วยค่ะ
เหตุการณ์นี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ได้พระราชทานความช่วยเหลือ และพระราชทานกำลังใจ ด้วยทรงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภารกิจช่วยเหลือน้องๆทั้ง ๑๓ คนจะประสบความสำเร็จ ซึ่งสร้างขวัญและกำลังใจอย่างหาที่สุดมิได้ต่อผู้ปกครองของน้องๆและผู้ปฏิบัติงานทุกคน นอกจากนี้แล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รวมถึงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ก็ได้โปรดประทานพรให้นักฟุตบอลและโค้ชของทีมหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง ๑๓ คนปลอดภัย ซึ่งประชาชนชาวไทยทุกภาคส่วนก็เช่นกัน ได้มีการสวดมนต์ แปรตัวอักษรเป็นเลข 13 และร้องเพลงเพื่อส่งกำลังใจให้กับน้องๆทีมหมูป่าอะคาเดมี่ซึ่งยังคงติดอยู่ในถ้ำให้ปลอดภัย
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงวาดภาพฝีพระหัตถ์ รูปหมูป่าเพื่อพระราชทานกำลังพระราชหฤทัยให้ในการค้นหาทีมหมูป่าทั้ง ๑๓ คน โดยทรงเผยแพร่ผ่านอินสตราแกรมส่วนพระองค์ เครดิตภาพจากhttps://royal.jarm.com/view/120449



เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ สมเด็จพระสังฆราชทรงนำสวดเจริญพระพุทธมนต์อธิษฐานจิตให้13ชีวิตทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างปลอดภัย 
เครดิตภาพจาก https://www.posttoday.com/social/general/556169


เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ พระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้นำคริสตจักรคาทอลิก แห่งนครรัฐวาติกัน ร่วมสวดอธิษฐานส่งกำลังใจถึงนักฟุตบอลรุ่นเยาว์และโค้ชทั้ง ๑๓ คนที่ติดในถ้ำหลวง เครดิตภาพจาก  https://www.thairath.co.th/content/1324606



ภาพจากโรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
เครดิตภาพจาก http://www.komchadluek.net/news/local/333009


ป้ายข้อความส่งแรงใจเชียร์ทีมหมูป่าให้ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำโดยปลอดภัย ได้นำมาติดประกาศไว้ภายในสถานีรถไฟใต้ดินแองเจิลทูบ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่มีผู้ใช้ทวิตเตอร์มาโพสต์ไว้
เครดิตภาพจาก https://www.matichon.co.th/foreign/news_1036376


ครูและนักเรียนของโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคมกว่า ๓,๐๐๐ คน ร่วมกันสวดมนต์ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และนั่งสมาธิตั้งจิตภาวนาให้ทีมหมู่ป่าอะคาเดมี่ทั้ง ๑๓ คน ปลอดภัย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ช่วยทุกคนออกมาจากถ้ำได้อย่างปลอดภัย
เครดิตภาพจาก https://www.posttoday.com/social/local/556051

     
     นอกจากกรณีที่น้องๆทั้ง ๑๓ คนติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนแล้วนั้น ข่าวยังได้นำเสนอ “ตำนานเขานางนอน” อีกด้วย ซึ่งตำนานของขุนเขาลูกนี้ แม้ว่าจะมีหลายเรื่อง แต่ตำนานที่นำมาเล่าขานกันมากที่สุดก็คือเรื่องที่เจ้าหญิงแห่งเมืองเชียงรุ้ง ทรงทำผิดพระราชประเพณี ลอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวังจนตั้งพระครรภ์ เจ้าหญิงพระองค์นี้จึงจำต้องหนีออกจากวังไปกับชายผู้เป็นที่รัก เมื่อมาถึงกันยังที่ราบใกล้แม่น้ำโขงแล้ว เจ้าหญิงที่ทรงพระครรภ์หลายเดือน ก็ไม่สามารถเสด็จฯต่อไปได้ จำเป็นต้องพักอยู่บริเวณนั้น สวามีของพระองค์จึงไปหาอาหารมาถวาย ซึ่งเจ้าหญิงที่ทรงรอสวามีอยู่หลายวัน ก็ทรงรู้สึกไม่สบายพระทัย เกรงว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับสวามี เจ้าหญิงพระองค์นี้จึงเสด็จฯ ออกไปตามหา จึงทำให้ทรงพบกับทหารของพระราชบิดา เจ้าหญิงจึงตรัสถามถึงสวามีของพระองค์ ทหารของพระราชบิดาจึงกราบทูลว่าได้สังหารสวามีของพระองค์ทรงสิ้นแล้ว เป็นเหตุให้เจ้าหญิงทรงเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น เจ้าหญิงจึงทรงใช้ปิ่นปักพระเกศา แทงเข้ายังพระเศียรของพระองค์ และสิ้นพระชนม์ในที่สุดอยู่ตรงนั้น พระโลหิตของเจ้าหญิงที่ไหลออกมากลับกลายเป็น “แม่น้ำแม่สาย” พระวรกายของเจ้าหญิงซึ่งนอนทอดยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ กลายเป็น “ดอยนางนอน” ส่วนพระอุทรก็กลายเป็น “ดอยตุง” อิตถีเพศของเจ้าหญิงกลายเป็น “ถ้ำหลวง” ซึ่งหากท่านใดขับรถจากอำเภอเมืองไปอำเภอแม่สาย ทางฝั่งซ้ายมือเมื่อเข้าเขตอำเภอแม่สาย จะมองเห็นดอยสูงใหญ่ทอดตัวยาวเป็นรูปร่างคล้ายผู้หญิงนอนอยู่

ดอยนางนอน จังหวัดเชียงราย เครดิตภาพจากกลุ่มเฟซบุ๊ก “เรารักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช”



ดอยนางนอน จังหวัดเชียงราย 
เครดิตภาพจาก https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1288744
ภาพพระครูบาบุญชุ่ม
เครดิตภาพจาก https://www.sanook.com/news/7004202/









      
     ในช่วงที่หน่วยซีลตลอดจนกู้ภัยท่านอื่นยังไม่พบน้องๆที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ได้มีผู้เชิญ “พระครูบาบุญชุ่ม” แห่งวัดพระธาตุดอนเรือง ในรัฐฉานของเมียนมา ให้มาทำพิธียังถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อญาติของผู้สูญหาย
      แม้ว่าภารกิจของการนำน้องๆทีมหมูป่าอะคาเดมี่ออกจากถ้ำหลวงจะเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าต้องประสบความสำเร็จ ผู้ช่วยเหลือทุกท่านจะต้องปลอดภัย หากแต่ความเศร้าก็บังเกิดขึ้น เมื่อ “จ่าเอกสมาน กุนัน” ต้องวายชนม์ในขณะที่ปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำ โดยในเวลานั้นจ่าเอกสมาน หรือ จ่าแซม กำลังลำเลียงถังอากาศเข้าสู่โถงสาม ทำให้จ่าแซมหมดสติและวายชนม์ในที่สุด ยังความเศร้าโศกเป็นอย่างยิ่งแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ได้รับทราบข่าวนี้ ด้วยเหตุนี้ จ่าแซมจึงเป็นวีรบุรุษแห่งถ้ำหลวง

ภาพจ่าเอกสมาน กุนัน 
เครดิตภาพจาก https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1034243

    
     ไม่เพียงแต่จ่าเอกสมานที่เป็นฮีโร่แห่งถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนเท่านั้น เนื่องด้วยหน่วยซีล ผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำชาวอังกฤษจำนวน ๓ ท่านจากสมาคมกู้ภัยในถ้ำแห่งอังกฤษ ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย (ศอร.) คุณณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา ทีมทหารพราน-ป่าไม้ ทีมกู้ภัยของมูลนิธิสยามรวมใจและทีมกู้ชีพสมาคมสิริกร จังหวัดเชียงราย ทีมแพทย์และพยาบาล เกษตรกรในพื้นที่ ทีมเก็บรังนก มนุษย์กบจากทุกหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ อาสาสมัครกู้ภัยทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ชาวในพื้นที่อำเภอแม่สาย เครือข่ายโทรคมนาคม โรงครัวพระราชทาน และทุกๆท่านซึ่งอยู่ในพื้นที่ถ้ำหลวงค่ะ ด้วยเหตุนี้ปุ๋ยจึงขอนำคลิปวีดีโอของฮีโร่ทุกท่านมาให้ท่านผู้อ่านได้ชม  และเพื่อเป็นการ “ขอบคุณจากใจ” ต่อฮีโร่เหล่านี้ค่ะ

ภาพคุณณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย (ศอร.)


     

     เวลา ๑๗ วัน ๕ ชั่วโมง แห่งภารกิจประวัติศาสตร์ของประเทศไทยและของโลกเพื่อช่วยเหลือน้องๆทั้ง ๑๓ คน มีความท้าทายอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อภารกิจที่ยากยิ่งครั้งนี้สามารถเสร็จสิ้นลงได้ด้วยความงดงาม ผู้ที่ติดตามข่าวสาร ตลอดจนบุคคลในพื้นที่จังหวัดเชียงราย แม้แต่สื่อมวลชนจากต่างประเทศ จึงสร้างรู้สึกประทับใจอย่างล้นเหลือ ซึ่งภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เนื่องด้วยทุกภาคส่วนมี มีความรัก มีความร่วมแรงร่วมใจกัน ภายใต้การทำงานอย่างมีระบบระเบียบ เป็นขั้นตอน ซึ่งความสมัครสมานสามัคคีที่เกิดขึ้นยังถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนแห่งนี้ ทำให้ปุ๋ยนึกไปถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในพิธีสวนสนามทหารรักษาพระองค์ ณ ลานพระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๐๕ ความว่า คราวใดที่ชาวไทยมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อประเทศชาติแล้ว ชาติก็ได้รอดพ้นจากภัยพิบัติสู่ความสุขความเจริญ แต่คราวใดที่ขาดความสามัคคีกลมเกลียวกัน ก็ต้องประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ จึงเป็นหน้าที่ของเราทั้งหลายที่จะต้องร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
     ไม่เพียงแค่บุคคลที่มีชื่อเสียงจากทุกแวดวงในประเทศไทยที่เป็นกำลังใจให้กับทีมหมูป่าอะคาเดมี่ และหน่วยงานทุกภาคส่วนเท่านั้น เพราะผู้ที่มีชื่อเสียงชาวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอลทีมต่างๆ ตลอดจนนักแสดงก็ล้วนให้กำลังใจมาด้วย อาทิเช่น ประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษนางเทรีซา เมย์ ฟีฟ่า สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล หมีเซียะ เยิ่นต๋าหัว เมสซี่ เป็นต้น 
ภาพคุณเยิ่นต๋าหัว และคุณหมีเซียะ ส่งกำลังใจให้ทีมหมูป่าอะคาเดมี่แม่สาย 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เครดิตภาพจาก https://www.springnews.co.th/view/304496



เครดิตภาพจาก https://www.thairath.co.th/content/1330578



ทางฮอลลีวู้ดของสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง จึงปรารถนาจะนำกรณีนี้มาสร้างภาพยนตร์ ในขณะที่ญี่ปุ่นสร้างคลิปวีดีโอจากเหตุการณ์จริงเพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอน เนื่องด้วยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประสบพิบัติภัยทางธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง การให้นักเรียนและบุคคลทั่วไปได้เรียนรู้การเอาตัวรอดจากคลิปวีดีโอที่จำลองเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งกล่าวได้ว่าเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้น สามารถสอนผู้คนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องที่เราควรมีสติ เพราะเมื่อมีสติแล้ว ความกลัวก็จะคลายลง และจะมีปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้ 

สื่อญี่ปุ่นทำหนังสั้นจำลองเหตุการณ์ ๑๓ ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง  เครดิตภาพจาก https://www.sanook.com/news/7125526/


ในวันพุธที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้ภารกิจการค้นหา ๑๓ ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงสำเร็จลุล่วง 


ภาพพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงขอบคุณ 

เครดิตภาพจาก https://www.springnews.co.th/view/304996



ท้ายนี้ ปุ๋ยขอขอบคุณฮีโร่ทุกท่าน ที่มีส่วนช่วยเหลือในการนำน้องๆนักฟุตบอลและโค้ชรวม ๑๓ ชีวิตอีกครั้งค่ะ


 คุณคือฮีโร่ของทุกคน 

您们是每个人的英雄


******************************

     ฉันคือคนหนึ่งที่ชื่อปุ๋ย 
     วันพุธ ที่ ๑๑  กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น